เชียงราย จังหวัดเหนือสุดของประเทศไทย จังหวัดที่ชอบมีโปรสายการบินบ่อยๆ จังหวัดที่อยู่ถัดเชียงใหม่ขึ้นไปหน่อยเดียว (แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรเที่ยวบ้าง) ไปเชียงรายต้องไปไหน ไปเชียงรายต้องกินอะไร ไปเชียงราย…แล้วมันจะฟินเท่าเชียงใหม่หราาาาาา เอาล่ะ ก่อนนจะมีคำถามมากมายไปมากกว่านี้ ผมจะพาเพื่อนๆไปสัมผัสผิวๆกับตัวเมืองเชียงรายสัก 1 วันก่อนดีกว่า แล้วคุณก็จะรู้เชียงรายก็มีดีไม่แพ้เมืองไหนๆ
จุดที่ทำให้เราแน่ใจได้ว่าเราอยู่ในตัวเมืองเชียงราย คือ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย ครับ บริเวณนี้ถือเป็นประตูของตัวเมืองเชียงรายเลยก็ว่า ชาวเมืองเชียงรายจะเรียกบริเวณนี้กันว่า “5 แยกพ่อขุน” (ห่างจากสนามบินเชียงราย ประมาณ 10 กม)
จุดแรกเมื่อมาถึงเมืองเชียงรายแล้วเราควรต้องกราบไหว้ขอพรกับพ่อขุนเม็งรายกันก่อนเลยครับเพื่อความเป็นศิริมงคล ในชีวิต และทริปนี้
ว่าด้วยเรื่องกิน
“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” ว่าด้วยเรื่องกินกันก่อนเลย ขอบอกเลยเรื่องกินของเมืองเชียงรายก็ไม่ได้แพ้เมืองเชียงใหม่เลยนะ ร้านดังร้านเด็ดที่ต้องไปลองมีมากมายมหาศาล จะเอาแนวไหนล่ะ
อาหารอีสานแซ่บๆ ก็ต้องที่ “ลาบสนามกีฬา”
ข้าวต้มกุ๊ย ก็ต้องที่ “ช.เจริญชัย”
ต้มเลือดหมู ก็ต้องที่ “เจ้สหรส”
อาหารเมือง ก็ต้องที่ “สลุงคำ”
บอกเลยมีเวลาวันเดียว หากินของอร่อยในเมืองเชียงรายไม่หวาดไม่ไหวหรอกนะครับ แต่ถ้าจะให้ผม เลือกแนะนำ ก่อนอื่นเลย ผมขอเลือกแนะนำ “3 ร้านกาแฟศักดิ์สิทธิ์ริมน้ำกกของเมืองเชียงราย” ล่ะกันนะ (ที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะว่า ขายดี คนแน่น มีคนไปเจิมไม่ขาดสาย กันเลยล่ะครับ)
ชีวิตธรรมดา
ถึงร้านจะชื่อ “ชีวิตธรรมดา” แต่ร้านนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ ด้วยทุนสร้างกว่า 10 ล้านบาท เนรมิตบ้านพักสไตล์อังกฤษให้ขึ้นมาอยู่บริเวณริมน้ำกก ฟีลลิ่งของที่นี่คือ เหมือนเรามาเที่ยว มาเยี่ยมบ้านเพื่อนคนอังกฤษครับ ร้านจะรกๆหน่อย เพื่อให้คนมารู้สึกเหมือนเข้ามาในบ้านจริงๆ ในสามร้านที่จะแนะนำร้านนี้ถือเป็นร้านกาแฟ โครตไฮเอนร้านแรกของเมืองเชียงรายครับ
อาหารแนะนำ ไม่เคยทานอาหารที่นี่ครับ แนะนำเป็นเครื่องดื่ม กาแฟ ร้อนเย็น และบานอฟฟี่ครับ
Melt In Your Mouth
ร้านที่สองที่จะแนะนำ Melt In Your Mouth “ละลายในปากแต่ไม่ละลายในมือ” ร้านตกแต่งสไตล์อังกฤษ เรียบ หรู ดูสะอาดตา ในสามร้านที่จะแนะนำ ผมค่อนข้างปลื้มบรรยากาศของร้านนี้ที่สุด เพราะปลอดโปร่ง โล่งสบายให้ความเป็นร้านอาหารร้านคาเฟ่สมฐานะความเป็นร้านกาแฟไฮพรีเมี่ยมของเมืองเชียงราย ในสามร้านนี้ เครื่องทำกาแฟของร้านนี้แพงที่สุดครับ ได้ข่าวว่า 800000 กันเลยทีเดียว ไม่รู้ข่าวลือ หรือข่าวโคมลอย
ป.ล.มีโอกาสได้ชิมอาหารเช้ามาครับ ขอบอกว่า ไม่ผ่าน T__T ไม่ชอบอ่ะ ขอแนะนำเป็นเบเกอรี่และกาแฟ (ก็เครื่องชงแพงขนาดนั้นคงต้องลองกันล่ะนะ) ดีกว่าครับ กาแฟที่นี่มีหลายตัวที่เป็นสูตรของเฉพาะที่ร้าน ลองถามดูครับว่าตัวไหนแนะนำ
มโนรมย์ และ ละอองแห่งความสุข
เติมเต็มความสุขด้วยอารมณ์สุนทรีย์ที่ “มโนรมย์” ใครชอบอะไรฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง กิ้งก่องแก้ว คงต้องมาที่นี่ล่ะครับ เจ้าของร้านต้องการให้บรรยากาศร้านออกมาเหมือน ภาพฝันหวาน ร้านจึงได้รับตกแต่งให้ออกมาหวานแหววเหมือนภาพฝันเช่นนี้ เท่านั้นยังไม่พอครับ เพราะความชวนฝันมันลามไปถึงอาหารกันเลยล่ะ เพราะนอกจากรสชาติอาหารของที่นี่จะอร่อยแล้ว หน้าตาอาหรของที่นี่ก็ต้องสวยเกินหน้าเกินตารสชาติไปอีกสองสเต็ป และปิดท้ายด้วยพนักงานของที่นี่ก็ขี้เหร่ไม่ได้ คัดแต่พนักงานหนุ่มหน้าตาดีไว้บริการสาวๆ เพราะภาพในฝันมันไม่เคยมีอะไรขี้เหร่ใช่มั้ยๆ (นอกจากฝันร้าย)
ป.ล.ในสามร้านนี้ผมมีโอกาสได้ชิมอาหารหนักๆของร้านนี้เพียงร้านเดียว ขอบอกว่าอร่อยมากกกก อาจเป็นเพราะเจ้าของร้านคือลูกชายของ “ร้านสลุงคำ” (ร้านต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของชาวเชียงรายมาช้านาน) เลยค่อนข้างพิถีพิถันกับอาหารสักหน่อย แถมได้เชฟจาก ซีร๊อกโก้ มาร่วมวงไพบูรณ์ด้วย อาหารมันจะไม่เริ่ดได้ไง
ถามว่า 3 ร้านนี้ราคาเป็นไง ตอบแบบไม่ต้องอวยกันเลยดีกว่า “แพง” ครับ ต่อคนนี่ขั้นต่ำ 300-400 บาท ได้ฟังแบบนี้แล้ว คนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยก็คงหมดสิทธิฟินสินะ? T__T ไม่ต้องน้อยใจไปสำหรับคนที่ งบมีจำกัด เพราะสวรรค์ยังมีทางเลือกให้กับคนดีเช่นคุณ แนะนำให้ไปฟินกับบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันในราคา 289 บาท พร้อมเครื่องดื่ม ที่ le meridien chiang rai ครับ
บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันในราคา 289 บาท พร้อมเครื่องดื่ม ที่ le meridien chiang rai (จ-ศ)
ด้วยบรรยากาศของโรงแรมและห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ของบอกเลยว่างดงามไม่แพ้ “3 ร้านกาแฟศักดิ์สิทธิ์ริมน้ำกก” แน่นอน แถมที่นี่ก็ติดริมน้ำกก อีกด้วยเช่นกัน อาหารที่เสริฟในบุฟเฟ่ต์จะเป็นอาหารนานาชาติครับ มีทั้งไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น และเบเกอรี่ สลับหมุนเวียนกันไป ส่วนในเรื่องรสชาติ ขอบอกเลยว่าไม่ได้ขี้เหร่เลยนะครับ (แต่มันก็ไม่ได้อร่อยเวอร์ประหนึ่งบุฟเฟ่ต์จากแมนดารินโอเรียลทอลหัวล่ะ 3000 หรอกนะ ด้วยราคา 289 บาทเน็ต ได้อาหารแบบนี้ ได้ขนมแบบนี้ ได้บรรยากาศร้านแบบนี้ รับประกันไม่มีอะไรคุ้มกว่านี้แล้วครับ)
ว่าด้วยเรื่องเที่ยว
จบเรื่องกินกันไปเบาๆกับ 4 ร้านที่ไม่น่าพลาด (วันนึงกินกันได้กี่มื้อกันล่ะเนี้ยะลองไปคำนวนกันเอาเองนะครับ ใครเหมาะกับร้านไหน อะไรยังไง ) เอาล่ะครับ ถึงตอนนี้ มาพูดถึงเรื่องเที่ยวกันบ้าง 1 วันที่อยู่ในตัวเมืองเราจะไปเที่ยวไหนกันดี สำหรับผม ผมขอแนะนำการเที่ยวชมเมือง ด้วยรถราง เพื่อเรียนรู้ ตัวเมืองเชียงรายกันครับ
เที่ยวชมตัวเมืองเชียงราย ด้วยรถราง
ฟังๆดูแล้ว อาจดูไม่น่าสนใจ จนอาจเผลออุทาน “อี้ อะไรอ่ะ? ให้มาเสียตังชมทัววร์วัฒนธรรม เงินฉันไม่เหลือหรอกนะ โดน อี 3-4 ร้านข้างบนดูดไปหมดแล้ว” แต่ขอโทษครับ ทัวร์เที่ยวรอบเมืองเชียงรายนี้ เที่ยวฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ย้ำฟรี และ ไม่มีค่าใช้จ่าย คร้าบบบบ ใช้เวลาเที่ยว 1-2 ชั่วโมง วันนึ่งจะมี 2 รอบเท่านั้น 9.30 น และบ่าย 13.30 น
สถานที่เที่ยวจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ไม่ตายตัวเสมอไปครับ จะชมสถานที่รอบๆเมืองประมาณ 7-8 แห่ง เราไปดูกันคร่าวๆดีกว่าว่าทัวร์นี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ที่กำลังปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ตอนนี้ที่นี่เป็นที่เก็บราชรถที่จะเอาไว้ใช้ในงานสำคัญต่างๆของเมืองเชียงราย ( ใครที่เคยฝันไว้ว่าอยากได้ราชรถมาเกย ส่องไว้เลยครับ อยากได้คันไหนมาเสย อิอิ )
ราชรถส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบฉบับล้านนา มีทั้งแบบจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน ฯลฯ
ในส่วนของราชรถเชียงรายจะเป็นคันสีเงินทั้งคัน อย่างในภาพ ใครสนใจลองแวะมาชมกันดูได้
จุดต่อไปที่จะพาไปชมคือ “วัดพระสิงห์” วัดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงห์จากเมืองลังกา (ตอนนี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ กทม แล้วครับ)
ถึงแม้องค์พระพุทธสิหิงห์จะไม่ประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้แล้ว แต่ทางเมืองเชียงรายก็ดูแลรักษาพระอุโบสถเป็นอย่างดีและสร้างองค์พระจำลองมาประดิษฐานแทน ไม่ปล่อยให้รกล้าง ทรุดโทรมไป
บานประตูไม้แกะสลักจากไม้ชิ้นเดียวโดยฝีมือศิลปินแห่งชาติอย่างอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ที่หน้าพระอุโบสถใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลที่ไม่ควรพลาด ตอนนี้ถือเป็นงานศิลปะที่มีค่ามากมายมหาศาลของเมืองเชียงราย เรียกว่าไม่สามารประเมินค่าเป็นตัวเงินได้กันเลยล่ะ
“วัดพระแก้ว” ถือเป็นวัดสำคัญอีกวัดของเมืองเชียงราย (สำหรับผมให้ความสำคัญกับวัดนี้เป็นอับดับหนึ่งเลยล่ะ) วัดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตจากเมืองลาว (ตอนนี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่พระศรีรัตนศาสดารามที่ กทม แล้วครับ) ใครไม่เคยมาเยือนต้องลองมาสัมผัสกันสักครั้งครับ ที่นี่ร่มเย็นและเงียบสงบมาก สมกับเป็นวัดคู่เมืองอันดับหนึ่งของเมืองเชียงราย
“วัดพระธาตุดอยจอมทอง” ที่นี่ถือเป็นจุดกำเนิดของเมืองเชียงรายก็ว่าได้ ( ใครอยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงต้องไปนั่งรถรางฟังไกด์เล่าเอาเองล่ะกัน อิอิ )
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งเสาสะดือเมือง 108 หลัก ที่ชาวเมืองเชียงรายช่วยกันสร้างขึ้นตามหลักความเชื่อของจักรวาลในศาสนาฮินดู เพื่อเป็นการสักการะในคุณความดีของพ่อขุนเม็งรายอีกด้วย
“วัดมิ่งเมือง” อีกหนึ่งวัดสำคัญของเมืองเชียงราย รูปแบบของวัดนี้จะต่างจากวัดอื่น เพราะแอบออกไปทางไทยใหญ่ซะมากกว่า เพราะเป็นวัดที่มเหสีของพ่อขุนเม็งรายมาปฏิบัติธรรมบ่อยๆ (พระมเหสีของพ่อขุนเม็งรายเป็นชาวเมืองพม่า)
จุดที่รถรางจะผ่านเป็นจุดสุดท้าย น่าจะเป้นที่นี่ครับ “สวนตุงและโคม” เมืองเชียงราย สวนสาธารณะกลางเมืองเชียงราย ในช่วงปลายเดือน 12 ทางสวนตุงจะมีจัดงานเทศกาลดอกไม้งามเมืองเชียงรายด้วย ใคชอบดอกไม้เมืองหนาาวน่าจะเป็นปลื้มกัน ไฮไลของงานนี้ก็คือ ทิวลิป นี่แหละคร้าบบบ เห็นว่าปีนี้มีทิลิปสีรุ้งด้วย
ส่วนใครมาเที่ยวตัวเมืองเชียงรายในวันเสาร์ ที่นี่ก็ไม่น้อยหน้าเมืองเชียงใหม่นะจะบอกให้ เพราะมี”ถนนคนเดินเมืองเชียงราย“เช่นกัน ถึงแม้ของขายอาจจะดูอ่อนด้อยกว่าทางเชียงใหม่ไปหลายช่วงตัวอยู่ก็ตามที แต่เดินเอาเพลิน เอามัน เอาชิลล์ เอาอร่อยก็ได้อยู่นะ
ถ้าใครเดินถนนคนเดินในวันเสาร์อย่ามัวแต่เดินกันจนเพลิน เพราะ ช่วง 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม 3 ทุ่ม ของทุกวัน
จะมีการแสดงแสงสีเสียงที่ “หอนาฬิกาเมืองเชียงราย” (ที่ออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย)กลางเมืองเชียงรายด้วยนะจ้า ไหนๆก็เดินผ่านอยู่แล้ว อย่าลืมแวะไปดูกันน้าาาาา
เอาล่ะครับ ถ้าเรามาเที่ยวเชียงรายแต่เรามาเที่ยวแค่ตัวเมืองเชียงรายเพื่อนๆอาจบอกว่ามันยังไม่ฟิน ไม่งั้น ผมพาออกไปเที่ยวรอบนอกเมืองแบบไม่ไกลกันบ้าง
“ขั้วศิลปะ” แหล่งรวมความงามศิลปะของศิลปินเมืองเชียงราย ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย การจะเดินทางมาที่นี่ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถนั่งรถโดยสารประจำทาง(ไปทางแม่สาย)จากท่ารถในตัวเมือง ช่วงที่ผมไปเป็นงานจัดแสดงศิลปะที่เกี่ยวกับอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี
ที่นี่จะมีห้องอาหารอยู่ด้วยครับชื่อ “ครัวศิลปิน” เท่าทีชิมมารสชาติอาหารใช้ได้นะครับ เนื้อผัดพริกไทดำอร่อยมั่กๆ แต่ราคาโหดร้ายมากกกกกกกก โดยเฉพาะลาบปลาแซลม่อนจานนี้ 300 กว่าบาทกันเลยทีเดียว
“บ้านดำ” หมู่บ้านพิพิธภัณฑ์งานศิลปะของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี อยู่ไม่ห่างจาก “ขั้วศิลปะ” สักเท่าไหร่ เราสามารถจัดทริปรวมกันได้ ใครชอบงานศิลปะสไตล์ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ก็ไม่ควรจะพลาดด้วยประการทั้งปวง
พูดถึงบ้านดำแล้ว ไม่พูดถึง “วัดขาว” ได้ไงใช่มั้ย การเดินทางมา “วัดขาวหรือวัดร่องขุ่น” ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ไม่ยากเลยครับ เริ่มต้นจากท่ารถบัสในเมือง จะมีมีรถบัส รถสองแถวผ่านไปเส้นนั้นตลอด ค่าไดยสารประมาณ 20 บาท สำหรับคำอธิบายสำหรับวัดนีัสำหรับผม “วัดนี้คือคำจำกัดความในงานศิลปะอาจารย์เฉลิมชัยครับ เหมือนบ้านดำที่เป็นคำจำกัดความในงานศิลปะของอาจาร์ถวัลย์ ดัชนี เช่นกัน
ถัดจากขั้วศิลปะมาประมาณ 15 นาที เราจะถึงอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที (เรียกว่า สถานที่ท่องเที่ยวได้มั้ยหว่า) ที่นี่คือ มหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทยครับ “มหาลัยแม่ฟ้าหลวง” ความงดงามของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จัดเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆน่ามาเยือนจริงๆ ใครที่จะขับรถออกไปเที่ยวทางแม่สายแนะนำให้แวะเข้ามากราบสมเด็จย่า และพระเจ้าล้านทองเพื่อความเป็นศิริมงคลในในการเดินทางด้วยก็จะดีมั้ยน้อย
สวนจีน คณะเรียนภาษาจีนของที่นี่
ช่วงที่ไปดอกประดูแดงออกดอกแดงเต็มต้นทีเดียวครับ งดงามมากกกก
พระเจ้าล้านทอง พระคู่มหาลัยของที่นี่
ที่เที่ยวใกล้ตัวเมือง ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ “สิงค์ปาร์คหรือไร่บุญรอด” ใครรัก ต้นไม้ ใบหญ้า ท้องฟ้า แสงแดด สายลม ดอกไม้ สัตว์โลกและไร่ชา คงจะปลื้มกับที่นี่แน่นอน การจะมาที่นั้นอาจต้องอาศัยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถแท๊กซี่เท่านั้น ตอนนี้ที่นี่ยังไม่เสียค่าเข้านะครับ ภายในสิงค์ปาร์คจะมีจุดท่องเที่ยวอยู่หลายโซนทีเดียว แต่โซนที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผมคือกิจกรรมโหนสลิง 4 ฐาน 800 บาทต่อคน ส่วนใครสนใจจะแวะทานอาหารที่นี่ก็มีบุฟเฟ่ต์ราคาไม่แพงบริการในมื้อเที่ยง(ประมาณ 300 บาท)และมีอาหารสั่งตามเมนูในมื้อเย็น
ว่าด้วยเรื่องที่พัก
เอาล่ะครับ เรามาจบกันด้วยเรื่องที่พักกันดีกว่า ไปเชียงรายพักไหนดี ? `
จำได้มั้ยครับเราเริ่มต้นรีวิวจากห้าแยกพ่อขุน ผมก็ขอจบรีวิวนี้ที่ห้าแยกพ่อคุณเช่นกัน โรงแรมดีๆที่ใกล้ 5 แยก พ่อขุนมากที่สุด คือที่นี่ครับ รสา บูทิค เชียงราย
รสา เป็นโรงแรมบูทิคขนาดเล็ก การตกแต่งเน้นสไตล์โมรอคเคียน(ที่ไม่ค่อยจะสุดนะครับ) เอาเป็นว่า เรียกว่าเป็นโรงแรมคอนเทมโพรารี่ที่ได้การตกแต่งสไตล์โมรอคโคเป็นแรงบรรดาลใจ เอาล่ะครับผมพาไปสำรวจดีกว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจ
ลอบบี้ของที่นี่ สำหรับผมแล้ว ดูไม่แกรนเอาซะเลย เป็ลอบบี้ขนาดเล็กๆน่ารักๆ มีมุมให้ถ่ายรูปมุ้งมิ้งอยู่บ้าง
เวลคัมดริ้งที่นี่เป็เวลคัมดริ้งที่ไฮโซกว่าโรงแรมไหนๆที่เคยไปมา เพราะมันคือน้ำครอโรฟิลคร้าบบบบบ
ถึงจะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ก็มีสระว่ายน้ำไว้บริการด้วยนะคร้าบบบบ ขนาดของสระว่าน้ำก็ไม่ได้ไก่กาอาราเร่เลย ออกจะกว้างพอดูทีเดียว
ใกล้ๆสระว่ายน้ำจะมีบาร์ให้ด้วยครับ บาร์ที่นี่จะเปิดเฉพาะช่วงกลางคืน บรรยากาศดีทีเดียว ยิ่งช่วงหน้าหนาวขอบอกเลยว่าจบ ฟินนนน (แต่น่าจะไม่งามในหน้าฝน)
ห้องอาหารหนึ่งเดียวของที่นี่ อาหารที่นี่นอกจากรสชาติจะดีแล้วราคาก็ไม่แพงด้วยนะครับ เมื่อเทียบกับอาหารข้างนอก ผมกินเต๊่ยวเนื้อในเมืองชามนึงก็ 80 บาทแล้ว อาหารที่นี่เริ่มต้นที่ 100 นิดๆเท่านั้น แถมไม่มี ++ ด้วย
เมนูนี้ชื่อ…..เออ…. ช่างมันเถอะ เป็นน้ำอัญชันมะนาวผสมโซดาครับ เปรี้ยวหวานซาบซ่า
รสาสลัดกับ เดรสซิ่งรสา น้ำสลัดสูตรพิเศษของที่นี่
ออเดริฟเมือง เซ็ตใหญ่ไม่เบาแต่ราคาไม่แรงนะ จำได้ว่า 100 ก่าๆ
จานนี้แอบแพงนิด 300 ก่าๆ ไส้กรอกพรีเมี่ยมรวม (ไม่ใช่เหมือนบิ๊กไบท์ใน 7-11 นะ) ทานกับเส้นหมี ผัดอร่อยไปอีกแบบ
มาลองของหวานกันบ้าง เมล่อนฟรุ๊ตสลัด เห็นว่าใช้เมล่อนจากฮอกไกโด ใครชอบเมล่อนต้องลองครับ
เสาวรสชีสเค้ก ไม่ค่อยมีร้านไหนทำนะ ใครชอบทานชีสเค้ก ลองดูครับ
บูลเบอรี่ชีสพาย อร่อยแบบไม่ต้องสืบ
ส่วนอาหารเช้า ไลน์อาหารถึงจะดุมีไม่เยอะสักเท่าไหร่ แต่โดยรวมก็เพียงพอสำหรับมื้อเช้าแล้วครับ ส่วนรสชาติ ก็อาหารทั่วไปนะ ไม่โดดเด่นอะไร
เอาล่ะครับไปชมห้องพักกันดีกว่า โดยรวมห้องพักจะมี รูมไทพ์เดียว แต่จะมีหนึ่งห้องพิเศษที่ต่างออกไป 1 ห้องเท่านั้น
เราไปดูห้องธีมสีเขียวน้ำตาลกันก่อน
ส่วนผมชอบห้องห้องธีมสีฟ้าม่วง
อันสุดท้าย เป็นธีมสีส้มสดใส ใครชอบอะไรสว่างๆต้องห้องนี้เลยครับ
ส่วนห้องพิเศษ ห้องสวีทมีเพียง 1 ห้องเท่านั้น ายในโรงแรม ขนาดเท่า 2 ห้องต่อกัน ผมว่าห้องนี้เป็นห้องที่สวยที่สุดเลยครับ
ห้องน้ำอาจเล็กไปสักนิด ทุกห้องๆน้ำเป็นแบบนี้หมดครับ มีน้ำอุ่น มี สายชำระ สำหรับผม เพียงพอล่ะ แต่น้ำฝักบัวเบาไปหน่อยนะ
ก่อนจบไดอารี่กันคงต้องพูดเรื่องการเดินทางกันสักนิดสักหน่อยจะดีกว่า
การเดินทางมาเชียงรายนั้นสะดวกมากมาย มีหลายวิธีมากมาย แต่ผมคงไม่แนะนำให้เดินทางกับเจ้เกียวนะครับ เพราะจ่ายต่างกันไม่กี่บาท ใช้บริการโปรสายการบินจะคุ้มค่ามากมายกว่านะ ปีทีแล้วช่วงที่ผมไป โปรที่คุ้มที่สุดจะเป็นของ Bangkok airways 1000 ต้นๆ แต่เรียกว่าอิ่มตั้งแต่ภาคพื้นดินยันบนฟากฟ้าสวรรค์ (จ่ายแพงกว่าสายการบินอื่น 200 บาท แต่คุ้มผิดกันลิบลับ) แถมอาหารที่เสริฟบนเครื่องบินตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นอาหารร้อนจากเชฟหมึกแดงแล้วด้วยครับ
ภาพจากเลาจน์ผู้โดยสารปกติ มีอาหารเสริฟในเลาจน์เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นสเน็ค
ส่วนเลาจน์บูลริบบ้อน อาหารที่เสริฟจะอลังเพิ่มขึ้นพอตัวอยู่ ไม่รู้ว่า AIS เซเรเนดจะยังใช้สิทธิเข้า ได้มั้ยนะ
ส่วนอาหารบนเครื่อง ผมว่าแบบนี้โอแล้วครับไม่ต้องหลายไอเทม แต่เอาเจ๋งๆไปเลยสักไอเทม เมนูนี้ข้าวไก่พลโล้ครับ อร่อยได้โล่ห์อยู่นะ
บอกเลย ข้อมูลในรีวิวนี้ ไม่สามารถเที่ยววันเดียวได้หมดอย่าแน่นอน เอาเป็นว่าผมขอสรุปคร่าวเป็นทริปให้สัก 2 ทริป ที่แตกต่างกันนิดหน่อย เผื่อมีคนสนใจลอกการบ้าน
ทริปที่1
9.00 ไหว้พ่อขุนเม็งราย (ฟรี)
9.30 เที่ยวชมรอบตัวเมืองเชียงรายด้วยรถราง (ฟรี)
11.00 แวะทานอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เลอเมอลิเดี้ยนเชียงราย 269-/คน
14.00 ไปวัดร่องขุน (ฟรี)
15.00 ไร่บุญรอด (ฟรี)
17.30 ไปถนนคนเดิน (วันเสาร์) (ฟรี)
19.00 ชมการแสดงไฟที่หอนาฬิกา) (ฟรี)
19.30 ทานอาหารเย็นที่ร้าน ช เจริญชัย หรือ สลุงคำ
ทริปที่2
9.30 ไหว้พ่อขุนเม็งราย (ฟรี)
10.00 ชมงานศิลปะที่ขั้วศิลปะ บ้านดำ และ ม.แม่ฟ้าหลวง
12.30 แวะทานอาหารเที่ยงที่ร้าน มโนรมย์ ชีวิตธรรมดา หรือ เมล อิน ยัวร์ เมาท์
13.30 เที่ยวชมรอบตัวเมืองเชียงรายด้วยรถราง (ฟรี)
15.00 ไร่บุญรอด
17.30 ทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารภูิรมย์ไร่บุญรอด
19.00 ชมการแสดงไฟ (หอนาฬิกา) (ฟรี)