สวัสดี คร้าบบบบบ วันนี้นายพัก…สบาย จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวต่างแดนเมืองกิมจิกันนะครับ ถูกต้องแล้วครับ เกาหลี ซารางเฮโยวๆ นั้นเอง พูดถึงเกาหลี เพื่อนๆนึกถึงอะไรกันครับ กังนังสไตล์ เกิร์ลเจเนอเรชั่น ซีรี่เกาหลีแสนสนุก กิมจิ นมกล้วย เครื่องสำอางค์ โสม ศัลยกรรม บลาๆๆๆ โว้วววววววววว เยอะเลยอ่ะ ฟังแล้วมึน ไม่รู้จะไปไหนก่อนดี มา มาๆๆๆ มากับผม วันนี้ผมจะพาไปรู้จักเกาหลีในอีกมุมที่แตกต่างออกไป “เชจู เกาะสวรรค์ ไม่ไปไม่รู้นะจ้าาาาา”
จะไปเกาหลีไปยังไงล่ะ
เรา คงต้องเริ่มจากการเดินทางกันก่อนเลย การเดินทางครั้งนี้ แอร์เอเซียเป็นผู้สนับสนุนการเดินทางครับ ถึงแม้เขาจะไม่สนับสนุน แต่เจ้าหางแดงแสนโสพีนี่แหละ จะเป็นตัวเลือกแรกๆเลยที่ผมจะไปหาตั๋วราคาโปรก่อน ทำมั้ยต้องเจ้านี้น่ะเหรอ ก็เพราะว่า เจ้านี้แหละออกโปรถูก โปรหลุด บ่อยยิ่งกว่าอะไรดี เรียกว่าออกโปรบ่อยกว่าลอตเตอรี่ออกเลขซะอีก แต่มีข้อแม้อย่างเดียวว่าต้องบินสองตุ๊บ ลงต่อเครื่อง Airasia X ที่มาเลย์ก่อนหนึ่งตุ๊บ แล้วจากมาเลต่อไปแดนโสมอีกหนึ่งตุ๊บ
ป.ล. แต่ในไม่ช้านี้ ผมได้ยินข่าว(ลือ)มาว่า Airasia X Thailand กำลังจะเปิดไฟล์บินตรงจาก กทม สู่ เกาหลี แดนโสม กันแล้วครับ เตรียมจองโปรกันได้เลยยยยย
การ มาต่อเครื่องที่มาเลย์ใครที่มากับพี่หางแดงแสนโสพีก็ต้องลงที่สนามบิน LCCT กันครับ สภาพสนามบินก็อารมณ์ประมาณ โลตัส แมคโคร ไอเกีย ซุปเปอร์ชีพ ประมาณนี้อ่ะ ถ้ามาต่อไฟล์ที่มันต่อกันพอดี้ พอดีก็ดีไป หรือห่างกันแบบสามสี่ชั่วโมงก็ยังพอลั้นลาได้ แต่ถ้าต้องข้ามคืนล่ะ จะลองนอนตามวิบากกรรมในเทอนินอลมันก็ได้อยู่นะ แต่ถ้าถามผมไปต่างแดนไม่ใช่บ้านเราอะไรปลอดภัยได้ก็ปลอดภัยดีกว่ามั้ยครับ เกิดไรขึ้นมา หมดสนุกแน่ๆงานนี้ หันซ้ายแลขวาแล้ว ก็เห็นจะมีโรงแรมเดียวจริงๆที่ที่อยู่ใกล้สนามบินที่สุด Tune Hotel ขอบอกว่า อย่าไปคาดหวังว่าจะหรูหรา โออ่าอยู่สบายนะครับ เพราะที่นี่เน้นถูก ประหยัด (ซึ่งไม่ใช่สาขานี้) อยู่ง่ายอยู่สะดวก ใกล้ 7-11 และ ซื้อทุกอย่างแยกได้หมด ทั้งแอร์ เครื่องอาบน้ำ ใครที่จะมาต่อเครื่องที่สนามบินนี้ ผมว่าเลือกนอนที่นี่น่าสะดวกและปลอดภัยสุดครับ หรือนอกจากจะเข้าในเมืองก็อีกเรื่อง แต่ถ้าจะพักต่อเครื่องเพื่อไปที่อื่นต่อ ก็ไม่น่ารอดที่นี่จริงๆ
จาก หางแดงแสนโสพีเมืองไทย เราก้าวต่อสู่ เกาหลี แดนกังนั่มสไตล์ ด้วย Airasia X กันครับ จากสนามบิน LCCT จะไปเกาหลีเราเลือกที่จะไปได้สองเมืองนะครับ คือ โซล และปูซาน ในเคสนี้ เราไปปูซานครับ เพราะใกล้เกาะเชจูมากกว่าโซล เพราะฉะนั้น เดินทางสู่สนามบินกิมเฮ ซารางเฮโยกันเถอะ
จาก สนามบิน LCCT สู่สนามบินกิมเฮ ซารางเฮโยววววว ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงครับ บนเครื่องAirasia X ที่นั่งดีกว่าแอร์เอเซียบ้านเรานะครับ นั่งสบายกว่า มีที่นั่งแบบพรีเมี่ยมด้วย (แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งแน่นอน ผมไม่จ่าย 55555)
การ เดินทางนานๆแบบนี้ อาจต้องแอบเตรียมอาหารเตรียมน้ำมาเองก็จะดีกว่าครับ แต่คงต้องแอบกินสักหน่อย เพราะทางแอร์เซียไม่อนุญาติให้กินอาหารที่เตรียมมาบนเครื่องได้ เหตุผลคือ ไม่ต้องสงสัยเยอะ ฉันจะขายของเข้าใจมั้ย? เออ…. งั้นถ้าต้องซื้ออาหารบนเครื่องควรซื้ออะไรดีล่ะ มีคนแนะนำว่าให้ลอง นาซิ เลอมัก อาหารประจำชาติของมาเลเซียดูครับ แต่ถ้าใครกลัวไม่คุ้น กลัวแปลก กลัวกินไม่ได้ แนะนำแกงไก่ครับ รสชาติอร่อยไม่เพี้ยนจากบ้านเราแน่นอนครับ ชิมมาแล้ว (ถ้าเป็นของแอร์เอเซียไทย จะใช้ของร้านสีฟ้าครับ ซึ่งผมว่าของมาเลย์อร่อยกว่าอ่ะ)
6 ชั่วโมงผ่านไปเร็วเหมือนสตอเบอรี่ (เกาหลี หวานอร่อย อิ อิ ) เรามาถึงปูซานกันแล้ววววววว ว้าวววววว เมืองปูซานจากมุมสูงงามล้ำไม่แพ้ที่ไหนๆเลย
ใคร ที่มาถึงปูซานแล้วผมแนะนำว่าให้ลองอยู่เที่ยวเมืองปูซานสักวันสองวันน่าจะดี กว่าครับ มีรถไฟฟ้าจากสนามบินกิมเฮเข้าเมืองเลย แต่เป็นที่น่าเสียดายมากๆๆที่ผมไม่มีโอกาสได้แวะเพลินพิศทัศนาจรกับเมืองปู ซานเลยสักนิด เพราะไฟล์บินที่ผมจะไปลั้นลาที่เกาะสวรรค์ เชจู นั้น มันกระชั้นชิดมากกกกก (ใครจองตั๋วให้เนี้ยะ แอบเคือง) เพิ่งก้าวเท้าเหยียบปูซานด้วยร้องเท้านิวบาลานช์ได้ไม่นาน ก็ต้องจากปูซานไปซะแล้ว ลาก่อนปูซานนนน ผมสัญญา ผมจะไม่ลืมคุณ
ออกจากอาคารผู้โดยสารขาออก มุ่งสู่อาคารผู้โดยสาร ขาเข้า domestic กันต่อเลยครับ
มี สายการบินมากมาย ทั้งเอเชียน่า โคเรียนแอร์ เชจูแอร์ และอีกหลายๆแอร์ (งานนี้ แอร์เอเซีย และนครชัยแอร์ ไม่มีเอี่ยวนะ ตัวเอง ) ที่พร้อมจะบินจากสนามบินกิมเฮสู่ เกาะเชจู ราคาตั๋วก็ไม่ได้แพงอะไรนะถ้าเลือกบินจากสนามบินกิมเฮนี้ราคาเริ่มต้นไปกลับ ประมาณ 2000 นิดๆนะ ถ้าคิดว่าไหนๆมาเที่ยวปูซานแล้ว จ่ายอีกนิดไปเกาะเชจู ก็น่าสนใจมากทีเดียว
จากปูซานใช้เวลาประมาณ 30 – 45 นาที เราก็มาถึงเกาะเชจูกันนนนนน
เกาะ เชจู คืออะไร ทำมั้ยต้องมา มีอะไรน่าเที่ยว มีที่ให้ชอปปิ้งมั้ย ของฝากจะซื้ออะไรดี มาเชจูต้องกินอะไร มีซีรีย์เกาหลีเรื่องอะไรมาถ่ายที่นี่บ้าง เราจะได้เจอเกิร์ลเจเนอเรชั่นมั้ย ไม่เอานะไม่อยากเต้นกังนัมสไตล์ นมกล้วยล่ะอยู่ไหน บลาๆๆๆ และอีกหลายๆคำถาม ประดังประเดเข้ามาในสมอง(กลวงๆ)ของผม เอาล่ะครับลืมคำถามบ้าบอพวกนั้นไปก่อน เรามาทำความรู้จักเกาะนี้กันก่อนดีกว่า
เช จูโด หรือเกาะเชจู เป็นเกาะทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ ถือเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและเป็น 1 ใน 9 จังหวัดของเกาหลีใต้อีกด้วย เชจูโดเป็นเกาะที่เกิดจาการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน พื้นที่ของเกาะใหญ่ประมาณ 1800 ตารางกิโลเมตร หรือพอๆกับกรุงเทพ พระนครบ้านเรานั้นเอง อากาศของที่นี่จะเฉลี่ยอยู่ที่ 22 – 30 องศา ช่วงหน้าหนาวหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 10 ครับ เรียกได้ว่าเที่ยวๆสบายๆกันได้ตลอดทั้งปีเลยก็ว่า เกาะแห่งนี้ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวเกาหลีใต้เลยก็ว่าได้ (คาดว่าคงคล้ายๆอารมณ์คนไทยปลื้ม ภูเก็ต ของบ้านเรานั้นเอง ) ด้วยความที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเรียกได้ว่ามีครบทุกรูปแบบเลยก็ว่าได้ ที่นี่จึงถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายละครเกาหลีมากมายหลายเรื่องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น
My Girl, Which star are you from , I’m SorryI Love you, Dae Jang-geum , Princess Hours , All in , Boys over Flowers, Phoenix, Full House,Coffee Prince, One Fine Day, Love story in Harvard, Autumn in my heart, The King’s Four God , Fate ,Swallow The Sun , Kim Sam Soon , Spring Waltz
แหม่ เยอะจริงๆ ให้ตายเถอะ เรามาทำความรู้จักเชจูโดแบบผิวๆกันเท่านี้ก่อนดีกว่า ว่าแต่ใครอยากได้แผนที่เกาะเชจูแบบบิ๊กไซด์เชิญก๊อปลิงค์ไปโหลดโลดดด
http://sonyaexplorekorea.files.wordpress.com/2012/04/map-of-jeju-island.jpg
ป.ล. การท่องเที่ยวที่นี่จะเที่ยวลำบากกว่าเมืองอื่นในเกาหลีใต้สักหน่อยถ้าคิดจะ มาแบคแพคเอง เพราะไม่มีรถไฟฟ้า รถประจำทางก็ตามใจฉันเหลือเกิน วันเดย์ทริปก็มีนะแต่แอบแพงและคนพื้นที่ว่าไม่เวิร์คกัน ถ้าไม่มากับทัวร์ก็ขับรถเที่ยวเองจะสะดวกที่สุดก๊าบบบบบ
เจอ ข้อมูลวิชาการไปสักหน่อย พัก…สบายเริ่มมึน มาครับเราไปทำความรู้จักกับเชจูผ่านสถานที่ท่องเที่ยวกันแทนดีกว่า ขอเริ่มจากที่นี่เลย มาเชจูโด ถ้าไม่มาที่นี่ไม่ได้นะจ้าาาาา
ซงซาน อิล ซุง บอง (ยอดเขาแห่งรุ่งอรุณ) จากที่บอกไปในตอนต้นว่า เชจูโด นั้นเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 2 ล้านปีก่อน แล้วปากปล่องภูเขาไฟ อยู่ที่ไหนล่ะ ที่นี่แหละครับคือหนึ่งในปากปล่องภูเขาไฟที่ระเบิดในครั้งนั้น และที่นี่ยังถือเป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกสวยที่สุดของเกาะเชจูด้วย ครับ
ป.ล. อีกที่ๆน่าสนไม่แพ้ที่นี่เลย คือ ภูเขาฮาลลาซาน เป็นอีกปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีทะเลสาปอยู่กลางปากปล่อง ซึ่งทั้งสองที่นี้ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ว่า เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
ใคร ที่จะมาท่องเที่ยวที่นี่ขอบอกว่าเดินอย่างเดียวนะครับ ไม่ต้องมาหา รถราง รถไฟเหาะ หรือ รถไฟฟ้า(มาหานะเธอวววววว)ให้เสียเวลา ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 30-45 นาที ตามกำลังของคน ถามว่าทางชันมั้ย แรกๆๆ ก็เดินสบ้ายสบาย ลั้นลาได้อยู่ แต่พอกลางๆทางจะเป็น บันไดชันหน่อยๆ เหนื่อยหน่อยครับ แต่ไม่ลำบากแน่นอน รับรองว่าถึงยอดแล้วยิ้มหายเหนื่อยแน่นอน
ป.ล. สิ่งที่ต้องเตรียมไป น้ำดื่ม ไม้เท้า และคนให้อ้อน ครับ
ส่วน ใครไม่ถนัดขึ้น ถนัดแต่ลง หรือคนที่ขึ้นไปแล้วลงมาแล้ว หากมีเวลา ลองไปดูที่บริเวณหาดก็ได้นะครับ จะมีการแสดงของ เฮียนโย ( ผู้หญิงดำน้ำ ) ให้ชมด้วยครับ รู้สึกจะมีรอบบ่ายโมงกับสามโมงนะ
อะ จะ จะ ไฟติ้ง สู้ๆนะทุกคนนนนนน ระหว่างทางก็จะมีวิวให้ดูเป็นจุดๆไปเรื่อยๆครับ
วิวจากบนยอดสุดๆๆๆๆ ถึงแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเยอะๆๆๆๆ เห็นแล้วยิ้มหายเหนื่อยเลยครับ
ก่อนกลับอย่าลืม แวะไปไหว้พระโพธิสัตว์กันสักนิด จะมีวัดอยู่ตรงบริเวณที่จอดรถครับ
จุดท่องเที่ยวต่อไป เราไปเที่ยวสถานที่ถ่ายซีรีย์เกาหลีกันบ้างดีกว่า
อ่าวซอพจิโกจิ ( Seopjikoji ) (ที่นี่เที่ยวฟรีนะครับ ถ้าไม่เข้าโบสถ์)
สถานที่ถ่ายซีรีย์เกาหลีเรื่อง All In เทหน้าตักรักหมดใจ และบริเวณ ฟินิกซ์ไอส์แลนด์ใช้ถ่ายทำซีรีย์อีกเรื่องคือ “Boys Over Flowers” จุดเด่นของที่นี่นอกจากทิวทัศน์จะสวยและลมเย็นสบายแล้ว ยังมีหินรูปร่างประหลาดมากมายให้เราได้นั่งเพ่งยืนเพ่งกันอีกด้วย เห็นว่ามีมี เรื่องเล่าปรัมปราว่าไว้ว่า กาลครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้ว ลูกของกษัติย์ได้ตกหลุมรักกับปีศาจแห่งท้องทะเล ณ ที่แห่งนี้ แต่ต้องมาตรอมใจตายกลายเป็นโขดหินอยู่บริเวณอ่าวที่พบรักกัน เพราะไม่สมหวังในความรัก (แหม่ แม้แต่เรื่องเล่ายังซีรีย์เกาหลีได้อีก)
ใครที่จะมาท่องเที่ยวที่นี่ขอบอกว่าเดินอย่างเดียวนะครับ ไกลนิดนึง แต่ไม่เหนื่อยครับ เดินชมวิวไปเรื่อยๆ สบายๆครับ
เดิน รับลมสบายใจโอลั้นลากันไปสักพัก เราก็จะมาถึงโบสถ์(ปลอม) ภายในโบสถ์จะเป็นสตูถ่ายหนังครับ มีค่าใช้จ่ายในการเข้าไป ซึ่งแน่นอน ผมไม่จ่าย 5555
จากโบสถ์ก็เดินต่อไปประภาคารได้อีกครับ
สถานที่ต่อไป เราไปดูความอัศจรรย์ทางธรรมชาติกันบ้างดีกว่า
หน้าผาเสาหินลาวาแดโป อีกหนึ่งความอัศจรรย์ของธรร
ส่วนของจริงที่เจอวันนั้น เป็นอย่างนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นนนนนนน พายุเข้าหรือไงมิทราบบบบบบ
แต่ด้วยความพยายาม ความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริง ในการถ่ายภาพเสาหินแดโป แล้วในที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ชี้ทางสว่างให้ผม ให้ผมได้รูปเสาหินแดโปงามๆจนได้ เหอๆๆๆๆ
นี่คือทางสว่างที่สวรรค์ชี้มาให้ ( แอบไปถ่ายเอากับคนขายรูปแถวนั้นก็ได้ ทำไงได้อ่ะ อากาศมันไม่เป็นใจนี่นา)
จุดต่อไปเราไปเที่ยวชายหาดกันบ้างดีกว่า มาเกาะทั้งทีขอหาดขาวๆทะเลใสๆบ้างดีกว่าเนอะ
Hyeopjae Beach หาดเฮียบแช หาดนี้นอกจากทรายจะขาว น้ำจะใส แล้ว หาดแห่งนี้ยังได้วิวงามๆของเกาะบิยังโด (Biyangdo) เป็นฉากหลังอีกด้วย เรียกได้ว่าหาดแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหาดสวยไม่แพ้หาดไหนๆของกาะเชจูเลยครับ
Hallim park
ที่ นี่อยู่ไม่ห่างจาก หาดเฮียบแช เลย เรียกว่าใกล้กันมากกกกก สามารถพ่วงมาเที่ยวกันได้เลย ว่าแต่ ฮาลิมปาร์คคืออะไร ฮาลิมปาร์ค ก็คือสวนพฤษศาสตร์ของเกาะเชจูครับ ดอกไม้ ต้นไม้ใบหญ้า สวนหิน บอนไซ สวนนก หมู่บ้านโบราณจำลอง และสวนสัตว์ จะรวมอยู่ที่นี่ แต่ที่นี่ต่างจากสวนพฤษศาสตร์ที่อื่นๆก็ตรงที่นี่ ที่นี่มีถ้ำด้วย ซึ่งเป็นถ้ำที่เกิดจากการระเบิดของลาวาครับ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำHyeopjae หรือ ถ้ำ Sangyong ก็ดูสวยงามแปลกตา และดูน่าสนใจไม่น้อย การเดินชมสวนพฤษศาสตร์แห่งนี้เราต้องเดินผ่านถ้ำกันหลายถ้ำ ให้อารามณ์แปลกใหม่ไปอีกแบบ
ใครที่จะมาท่องเที่ยวที่นี่ขอบอกว่าเดินอย่างเดียวอีกแล้ว ใช้เวลาเดินกันนานพอดู เชจูเป็นเกาะที่เดินทัวร์มาราธอนมากกกก ขอบอก ฝึกความแข็งแรงในการเดินกันไว้มากๆนะครับใครจะมาที่นี่
พูดถึงถ้ำที่เชจูโดแล้ว คงไม่มีถ้ำไหนเกินถ้ำนี้แล้วล่ะครับ
ถ้ำลาวา มันจังกุล Manjanggul Cave ใคร ชอบเที่ยวถ้ำ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะถ้ำแห่งนี้ถือเป็นไฮไลของถ้ำที่เกาะเชจู ถ้ำนี้ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ว่า เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ด้วย แล้วถ้ำนี้พิเศษกว่าถ้ำอื่นยังไง เพราะถ้ำนี้เป็นอุโมงค์ลาวาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยมีความยาวถึง 13.4 กิโลเมตร เกิดจากการเคลื่อนตัวของลาวาในระดับลึกลงไปในพื้นดินที่ความลึกกว่า 23 เมตร ภายในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกลาวา, หินย้อยลาวา และเสาหินต่างๆ ใช้เวลาเดินเที่ยวถ้ำไปกลับประมาณ 2 กิโลเมตร ภายในถ้ำอากาศค่อนข้างเย็นมากทีเดียวควรเตรียมเสื้อหนาวไปด้วย แถมจะเดินลำบากนิดนึง เพราะค่อนข้างจะลื่นสักหน่อยมีน้ำหยดตลอดเวลา สุดถ้ำจะมีเสาหินลาวาที่ไหลลงมาจากอีกถ้ำที่ซ้อนอยู่บนถ้ำนี้ด้วยครับ
เราไปต่อกันที่หมู่บ้านโบราณกันดีกว่าครับ
หมู่บ้านซงอับ Seongeup Folk Village ตั้งอยู่เชิงเขาฮัลลา เป็นหมู่บ้านพื้นเมืองดั้งเดิมของชาวเกาะเชจูที่รัฐบาลอนุรักษ์ไว้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีชาวบ้านอาศัยกันอยู่จริงๆ ซึ่งที่ หมู่บ้านซงอับ นี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง แดจังกึม ตอนที่แดจังกึมถูกลงโทษให้มาอยู่เกาะเชจู อีกด้วย
เที่ยว ธรรมชาติ วัฒนธรรมกันมาเยอะล่ะ เราไปเที่ยวอะไรที่มันศิวิไลกันบ้างดีกว่า ถ้าพูดถึงมิวเซียมในเกาะเชจู คงไม่มีที่ไหนดังเกินมิวเซียมนี้แล้วครับ
Teddy Bear Museum ที่เกาะเชจูแห่งนี้ ถือเป็น Teddy Bear Museum ที่แรกและเป็นที่ๆใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ด้วยครับ ภายในTeddy Bear Museum แห่งนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ
1 The History : เป็นส่วนประวัติศาสตร์ แสดงความเป็นมากว่า 100 ปีของเจ้าเท็ดดี้แบร์
2 The Art : เป็นส่วน gallery จัดแสดงหมีน้อยเท็ดดี้แบร์น่ารักหลากหลายตัว
3 Teddy’s Forest : เดินชมน้องหมีในรูปของหุ่นปั้นที่จัดแสดงในสวนข้างนอกตัวอาคาร
ใครที่แอบชอบๆ Teddy Bear หมีน้อยน่ารักอยู่ คงได้กรี้ดแต๋วแตกกันที่แหละครับ
อันนี้จากซีรีย์เกาหลีเรื่องโปรด princess hours ใครจำกันได้บ้างเอ่ย
Alive! Museum มันคือ Art in paradise ที่แสนป๊อปปูล่าในเมืองไทยนั้นเอง คงไม่ต้องบรรยายอะไรกับที่นี่กันแล้วมั้ง ศิลปะภาพวาดแบบ 3D เวลาถ่ายรูปออกมาเหมือนกับว่าภาพนั้นทะลุออกมาได้จริงๆ แต่มันเด็ดตรงที่ว่าตัวเรานั้นจะมีไอเดียเอาตัวเองไปอยู่ในภาพนั้นยังไงครับ
สถานที่สุดท้าย ท้ายสุดที่ผมได้มีโอกาสไปสัมผัสกับ เชจูโด
Haenyeo Museum ลม ผู้หญิง และหินลาวา สามอย่างที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจู ลมกับ หินดูจะไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่นะ เพราะไปไหนก็เจอจริงๆ แต่ทำมั้ยผู้หญิงถึงเป็น สัญลักษณ์ ของเกาะเชจูน่ะเหรอครับ เพราะสวยงามประหนึ่งนางสาวศรีสยามหรือ อืมมมม คงไม่ใช่ครับ ก็เพราะว่าเกาะเชจูนั้นมีผู้หญิงอยู่มากกว่าผู้ชายมากๆครับ ในสมัยก่อนผู้ชายต้องออกไปทำประมงในในทะเลไกลๆกัน ก็ตายกันไปเกือบหมดจะเกาะแล้ว ไม่ค่อยจะเหลือรอดกลับมาหรอกครับ ผู้หญิงที่ดูแลครอบครัวต้องทำไงดีล่ะ คิดแล้วก็กลุ้ม ผัวก็ตาย ลูกก็ต้องดูแล งานนี้เลยต้องพึ่งพาตัวเองโดยการรวมตัวกันทำประมงกันแบบง่ายๆ ไม่ไกลจากฝั่งมากนัก ด้วยอุปกรณ์ไม่กี่ชนิด เน้นการดำน้ำลงไปหาของที่ก้นทะเลกันเอง ผู้หญิงที่ทำแบบนี้แหละครับที่เรียกกันว่า เฮียนโย และ เฮียนโย หรือผู้หญิงดำน้ำนี่แหละ ที่คืออีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกาะเชจู
พิพิธภัณฑ์ แห่งนี้จะเป็นการบ่งบอกเรื่องราวถึงการมีอยู่ของ เฮียนโย ที่นับวันจะไม่มีคนทำอยู่แล้ว ใครชอบเรื่องประวัติศาสตร์น่าจะชอบที่นี่ได้ไม่ยาก
วิวจากพิพิธภัณฑ์ครับ ไม่เกี่ยวกับเฮียนโย นะจ้าาา
เรามาปิดท้ายในส่วนของรีวิว เชจู เกาะสวรรค์ (เกาหลี) ไม่ไปไม่รู้นะจ้าาาาา Part 1 กับเรื่องอาหารกันดีกว่าครับ
ร้าน นี้เป็นมื้อเที่ยงระหว่างเดินทางไป ซงซาน อิล ซุง บอง (ยอดเขาแห่งรุ่งอรุณ) ระหว่างทางไปจะมีไร่ส้มเยอะแยะเลยครับ ร้านที่ไปเป็นร้านแบบอริจินอล เรียกได้ว่า เกาหลี้ เกาหลีที่สุด จริงๆแล้วเขาเป็นโฮมสเตย์ด้วยครับ อาหารร้านนี้เอาจริงๆนะ รสทั่วไปนะในความรู้สึกผม อร่อยแต่ไม่ได้แบบว่าอร่อยเวอร์ แต่บรรยากาศร้านดีมากจริงๆ ทำให้อาหารอร่อยขึ้นจมเลย
ร้านอาหารทุกร้านที่เกาะนี้ เท่าที่กินมา จะมีน้ำฟรีมาให้แบบนี้ทุกร้านเลยครับ
เมนูนี้ ซุนดูบู (แกงเต้าหู้อ่อน) เป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านสไตล์เกาหลี ทานเข้าไปแล้วรู้สึกมีกลิ่นอายความเป็นเกาหลีวิ่งเล่นอยู่ในปาก ถามว่าอร่อยมั้ยก็อร่อยแต่ไม่มากมายอะไร แต่รู้สึกดีที่ได้กินอะไรที่มันเกาหลี้ เกาหลีมากกว่า
แกงไก่เกาหลี ดักโดริทัง อันนี้เท่าที่ชิมมาก็อร่อยแบบเฉยๆนะไม่ได้อร่อยเวอร์อะไร เผ็ดๆสไตล์เกาหลี แต่ความรู้สึกที่กินคือ ฟิน ครับ
พิซซ่าเกาหลี (พาจอน) คล้ายอะไรดีล่ะ แป้งทอดผสมกิมจิใส่ปลาหมึกอ่ะครับ ก็อร่อยนะ มันๆ หนึบๆ
แบบไม่ใส่กิมจิจะเป็นใส่ผักแทน ปลาย่างไม่ได้ชิมครับ
ส่วน ร้านนี้อยู่ใกล้เท็ดดี้แบร์มิวเซี่ยม ขอบอกเลยครับว่า ถ้าทัวร์พาคุณมากินร้านนี้ ได้โปรดทำใจและเตรียมตัวหันไปค้อนแรงๆให้ไกด์ได้เลย เป็นร้านที่เรียกว่าอย่ามาชวนผมไปอีกนะ ถ้ามาชวนจะอดข้าวประท้วงให้ดู อาหารส่วนใหญ่รสชาติกลางๆถึงไม่อร่อย คงต้องบอกตรงๆว่า อาหารเกาหลีในเมืองไทยยังอร่อยกว่าอีก อุ้ย!!!! แรงงงงง
ปลาย่างจ้า ปลาย่าง ไม่ได้ทานจ้าาาา ของคนอื่น แลดูเครื่องเคียงแอบง่อยมาก
บิบิมบับ จ้า บิบิมบับ ก็พอได้นะ แต่ทำไมรู้สึกว่าที่เมืองไทยอร่อยกว่า
หมูดำจ้า หมูดำ ของขึ้นชื่อของเกาะเชจู แต่ดูท่าร้านนี้จะทำให้เสียชื่อซะมากกว่า
อันนี้ของห้องข้างๆจัดไว้รอทัวร์
ขอ จบในส่วนของเรื่องท่องเที่ยวชวนทัศนากันไว้เท่านี้ก่อน ใครอยากรู้เรื่องที่พัก ที่กิน ที่ชอปปิ้ง ของฝาก ติดตาม เชจู เกาะสวรรค์ (เกาหลี) ไม่ไปไม่รู้นะจ้าาาาา Part 2 กันนะจ้าาาาาา
