วันนี้เรามาพูดถึง Grande Centre Point Prestige กันบ้าง จริงๆแล้วที่นี่จัดอยู่ในระดับเดียวกับ สาขาลุมพินี และสาขา Space Pattaya นะ แต่ที่ต่างกันน่าจะเป็นเรื่องคาเรคเตอร์ของโรงแรม และ ทำเล เป็นหลักฮะ สาขา Prestige จะมาในคอนเซ็ป เรียบหรู ไม่เน้นใหญ่โต เน้นไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับคนเจนฯใหม่ๆมากขึ้นฮะ

ทำเล อยู่ตรงแยกราชประสงค์ ราชดำริฮะ อยู่นะหว่างโรงแรม WA และ Anantara ฮะ

โทนของโรงแรมสาขานี้มาในโทน ขาว+ทอง ดีไซด์ก็จะเป็นมิตร เอาใจคนเจนฯใหม่มากขึ้น




ชั้นหนึ่งเป็นชั้นมีของหลายอย่างให้ต้องพูดถึงเลย จุดแรก ช้อปแลกของที่ระลึก สามารถนำ Token ที่ได้ตอนเช็คอินมาแลกได้ฮะ

7-11 โรงแรมนี้มี 7-11 เป็นของตัวเองฮะ สาขานี้ขนาดไม่ใหญ่นะ จะอยู่ด้านข้างๆของโรงแรม

ห้องอาหารจีน เชฟแมน ตอนไปร้านยังไม่เปิดเลย รีวิวอะไรดีล่ะ ร้านสวยจัง ฮัลโหล เชฟแมน อยู่ม้ายยยย

คาเฟ่ บลูมแอนด์บริว (ร้านนี้ดูแลโดยร้านอาหารสีฟ้า) จากที่ได้ลองมา ส่วนตัวว่าร้านนี้ค่อนข้างโอเคเลยนะ ถือเป็นร้านของสีฟ้าที่สามารถชมได้อย่างเต็มปากว่า ดีจริงๆ ราคาอาหารก็ไม่แพง รสชาติก็ใช้ได้ การจัดจานอะไรก็ดูดี ( ดีจนแอบคิดว่านี่ใช่สีฟ้าทำจริงๆเหรอ )




สลัดแซลม่อนรวมควัน 329 (จานนี้จะเป็นสลัดซอสส้ม ทานแล้วสดชื่นมาก)
ทอดมันปู 359 จานนี้ก้ใช่ได้นะ แต่รสมันจะกลางๆหน่อย
ส่วนขนมเป็นคัสตาร์ดเค้ก เนื้อจะแน่นๆ รสหวานๆ หน่อยฮะ


ห้องอาหาร Garden (ร้านนี้ดูแลโดยร้านอาหารสีฟ้า) จะอยู่ที่ชั้น 15 หลักๆจะเสริฟอาหารเช้าเป็นหลัก และ จะมีขายบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นช่วงเสาร์อาทิตย์ด้วยฮะ จุดขายของห้องอาหารนี้คือ วิวสนามม้าราชกรีฑาสโมสรนี่แหละฮะ









ต้องขอบอกก่อน อาหารเช้าของโรงแรม Grande Centre Point (ดูแลโดยร้านอาหารสีฟ้า) จะไม่เน้นไอเทมหรู หรือ ไอเทมแพงนะ แต่จะเน้นอาหารไทย แนวครอบครัว แนวสตรีทฟู้ด เป็นหลัก เมนูหลายๆตัวก็คล้ายๆมีในร้านสีฟ้านั้นแหละฮะ


เมนูที่ดูพิเศษ ข้าวซอยเนื้อ ปอเปี๊ยะสด ข้าวหน้าเนื้อตุ๋นสไตล์ญี่ปุ่น เตี๋ยวน้ำตก



สาขานี้แอบพิเศษกว่าสาขาอื่นๆ คือ ….เราสาทารถเลือกทานอาหารเช้าจากร้านเชฟแมนในห้องพักได้ฮะ ใครที่ต้องการความพิเศษกว่าปกติสามารถเลือกออฟชั่นนี้ได้ฮะ (แต่เลือกแล้วจะลงไปทานบุฟเฟ่ต์ไม่ได้นะ)



คิดส์คลับ+เกมส์รูม ยังมีให้เหมือนเดิม ไซด์อาจจะไม่ใหญ่เท่าที่แกรนด์ ลุมพินี แต่การตกแต่งก็น่าจะสวยดดนใจใครหลายๆคนนะ










ฟิตเนส+สระว่ายน้ำหลัก จะอยู่ที่ชั้น 35 ตัวสระว่ายน้ำมีความยาว 50 เมตร เหมือนที่ลุมพินี (แต่ความกว้างไม่เท่านะ) เรื่องวิวคือชนะเลิศ หายห่วงฮะ เหลี่ยมมุมนี้








ฟิตเนสจะอยู่ที่ชั้นเดียวกันนี่แหละ ขนาดไม่ใหญ่เท่าลุมพินี แต่อุปกรณ์ทันสมัยเหมือนเดิม



ส่วนใครถามหา ออนเซ็น Let’s Relax จะอยู่ที่ชั้น 10 ฮะ วิวอลังตามที่คาดหวังไว้เลยฮะ









Brass House (ร้านนี้ดูแลโดย eric kayser วังหิ่งห้อย และ เทพบาร์ ) ร้านนี้จะอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ตกแต่งแนวยุค The Great Gatsby แน่นอนว่ามาแนวนี้ก็ต้องมาพร้อมดนตรีแจ๊สฮะ





อาหารที่นี่ ดูแลโดยเชฟนิค (ณัฏฐพล ภวไพบูลย์) จากวังหิ่งห้อย (เชฟดังอีกคนของเมืองไทย) ร้านอาหารนี้จะเป็นอาหารไทยรสพื้นบ้าน แต่เลือกใช้วัตถุดิบพิเศษในการปรุง (ร้านไม่ใช่ ไฟล์ดายนิ่งนะ) ราคาอาหารก็จะจับต้องได้ง่ายกว่าวังหิ่งห้อย


ส่วนเมนูทางขวา ได้แรงบรรดาลใจมาจาก คารามารี แต่อันนี้เป็นสไตล์ไทยฮะ รสชาติผงโรยปลาหมึกทอด เป็นสูตรพิเศษของทางเชฟ รสคล้ายๆรสต้มยำ



ร้านอาหารทั้งหมดในโรงแรม ไม่มีร้านไหนเป็นของโรงแรมเลย ร้านทั้งหมดเช่าพื้นที่โรงแรมมาเปิดนะ โรงแรมบอกว่า เราทำในสิ่งที่ถนัดพอ อะไรที่เราไม่ถนัดให้คนอื่นเขามาทำฮะ
และแล้วเรามาถึงส่วนสุดท้ายของห้องพักกันแล้ว ห้องพัก มี 3 แบบ คือของ Prestige Signature / Prestige Suite และ Prestige Penthouse (มีห้องเดียวในโรงแรม) ห้องพักมีหลายวิว และ ไม่มีวิวก็มีฮะ ตอนนี้วิวไม่ได้อิงตามราคาฮะ แต่อิงวิวตามดวงเท่านั้น
ทุกห้อง ยังให้ไดร์เป่าผม dyson ในห้อง ฟรีมินิบาร์ เหมือนเดิม

Prestige Signature ขนาด 45.5 ตรม







Prestige Suite ขนาด 85 ตรม













สรุปปิดท้าย ส่วนตัวยกให้ Grande Centre Point สาขานี้ มีความใกล้เคียงกับ โรงแรมลักชูฯจากแบรนด์เมืองนอกมากที่สุดล่ะ ไม่ว่าจะด้วยการตกแต่งของโรงแรม บรรยากาศในโรงแรม รวมไปถึงร้านอาหารต่างๆ เรียกว่าไม่แพ้โรงแรมที่ไหนเลย ใครมีโอกาสอยากให้มาลองดูกันฮะ ถึงไม่ได้มาพัก ได้มาทานข้าวก็โอเคนะ
**** ส่วนใครต้องการความแกรนด์แบบตะโกน เน้นแฟคซิลิตี้แบบจัดเต็ม เชิญที่สาขาลุมพินี หรือ Space พัทยา ฮะ

