สิงคโปร์ สิงคโปร์ วันนี้นายพักสบายพาไปเที่ยวสิงคโปร์กันนะคร้าบบบบ ใครๆก็บอกว่าสิงคโปร์ไม่มีอะไร จะไปทำมั้ย อย่าไปเลย ไปที่อื่นดีฟ่า เมื่อก่อนผมก็คิดอย่างนั้นนะครับ แต่มาในวันนี้ สิงคโปร์ไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้วในความรู้สึกผม วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปอ่าวมารีน่าเบย์ของสิงคโปร์ จุดที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของสิงคโปร์กัน (ผมขอพาไปเที่ยวจุดที่เราไม่เสียเงินค่าใช้จ่ายนะครับ เก็บเงินไว้ไปกินดีก่า 55555 )
เรามาดูไฮไลท์ของอ่าวมารีน่าเบย์นี้กันครับ จุดนี้ถือเป็นจุดที่ชมแสงสียามค่ำคืนที่สวยที่สุดของสิงคโปร์อีกจุดนึงเลยก็ว่าได้
สะพาน Helix Bridge สะพานรูปทรงเกลียว DNA สวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร
มาริน่าเบย์แซน ห้าง โรงแรม และ คาสิโน ที่ใหญ่ที่สุดของย่านนี้ อล้าอลังได้อีก ทุกวันจะมีมีการแสดงที่ด้านหน้าอ่าวราวๆ 1 ทุ่ม และ3 ทุ่มครับ
Garden By The Bay แลนด์มาร์คใหม่ที่ต้องเดินทะลุมาริน่าเบย์แซนไป จะมีการแสดงแสงสีเสียงฟรีให้ผมกันรอบ 7.45 และ 9.45 ครับ
และคงพลาดไม่ได้กับสิงโตทะเลพ่นน้ำ ถามว่าตรงนี้มีอะไรมั้ย บอกตรงๆนะครับ ผมเฉยๆมากกก แต่ก็ต้องมาถ่าย เดี๋ยวเขาหาว่ามาไม่ถึงสิงคโปร์
แล้วเวลากลางวันไปไหนดี จากมาริน่าเบย์ จุดที่เรียกว่าสามารถเดินไปได้ไม่เกิน 20 นาที คือ china town สำหรับไชน่าทาวน์สำหรับผมไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนอกจากวัดพระเขี้ยวแก้ว และร้านข้าวมันไก่ตรงข้ามวัดครับ (ร้านข้าวมันไก่จะอยู่ท้ายรีวิวฮะ)
เอาล่ะครับ มาพูดถึงที่พักบ้าง ผมขอแนะนำที่นี่นะครับ Sofitel So Singapore ทำมั้ยถึงแนะนำที่นี่ ดูจะแพ้งๆแพง นะ ที่ผมแนะนำที่นี่ก็เพราะว่าเราสามารถใช้สิทธิของบัตร Accor Advantage Plus เข้าพักฟรีที่นี่ได้ครับ เพียงแต่ต้องทำการจองโดยใช้สิทธิล่วงหน้าเนิ่นๆสักหน่อย
ใครสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
http://mycard.accoradvantageplus.com/?lang=th
เอาล่ะครับ เรามาดูดีกว่าทำมั้ยผมถึงแนะนำมาใช้ฟรีไนท์ที่นี่ ขอบอกเลยครับว่ามันคุ้มมากกกกกกกกก
ขอเริ่มจากแผนที่กันก่อน จะเห็นได้ว่า Sofitel So Singapore อยู่ใกล้กับอ่าวมาริน่าและไชน่าทาวน์ สามารถเดินไปได้เลยครับ ถ้าเราเดินทางมาด้วยรถไฟใต้ดิน ให้เราลงที่สถานี raffle place station ทางออกที่เป็น ถนน robinson เราเดินตามถนนโรบินสันลงมาเรื่อยๆสัก 5 นาทีเราจะเจอโรงแรมอยู่ติดกับ lau pa sat food market
เอาล่ะครับเราเข้าไปสำรวจโรงแรมกันดีกว่า อาคารายนอกของโรงแรมเป็นตึกเก่าอายุเกือย 100 ปี ที่ได้ทำการปรับปรุงมาเป็นโรงแรม โรงแรมจึงค่อนข้างมีพื้นที่จำกัดมากๆๆๆ
ลอบบี้โรงแรมมีขนาดพื้นที่จำกัดพอควร เพดานไม่ได้สูงมากอะไร การตกแต่งเน้นมิกซ์แอนแมท คอนเซ็ปความแตกต่างที่ลงตัว
ภายในบริเวณลอบบี้จะมีมุมห้องสมุดเล็กๆๆอยู่ด้วยครับ
ลอบบี้บาร์ขนาดเล็กชื่อ Experience BAR ( เอาตรงๆนะครับใน 3 จุดนี้ไม่มีอะไรว้าวเลย สำหรับผมธรรมดามว้ากกกกกกกก )
สำหรับผู้ที่จองห้องระดับ SO COMFY ขึ้นไปคุณจะได้รับสิทธิ เครื่องดื่มอะไรก็ได้ ที่เวลคัมดริ้ง 1 แก้ว(จะมาดื่มตอนไหนก็ได้)จะไวน์แดง ไวน์ขาว แชมเปญ คอกเทล น้ำปั่น น้ำอัดลม สั่งได้หมดครับ จากในภาพคือ คอกเทลซิกเนเจอร์ของที่นี่ ขอบอกเลยครับ เห็นสวยๆใสๆแบบนี้ อย่าสั่งกลางวันเด็ดขาด เดี๋ยวจะไม่ได้ไปไหน เพราะเหล้าแรงมากกกกกกกกก (ใส่มาทั้งโรงเหล้าเลยหรือไงมิทราบ)
ในส่วนของห้องอาหารจะอยู่ติดกับลอบบี้ ห้องอาหารตกแต่งได้เกร๋มากๆๆ ชอบครับ ถึงเพดานจะไม่ได้สูงโปร่ง แต่ลูกเล่นแพรวพราวมากกก
ที่เห็นโซฟาสีฟ้าสดรูปร่างคล้ายเตียงนั้น ได้แรงบรรดาลใจมาจากการเสริฟอาหารเช้าบนเตียงครับ จึงทำโซฟาให้ออกมาเป็นรูปเตียง
ในจุดด้านในสุด จะมีแผนที่ของโรงแรมกับสถานที่สำคัญต่างๆ เพียงเรากดปุ่มไฟก็จะวิ่งบอกเส้นทางที่เราจะไปแล้วครับ เป็นไอเดียที่ดีมากกกกกกกก (ถ้าโลกนี้ไม่มีกูเกิ้ลแมพ T__T )
เอาล่ะครับเรามาดูอาหารเช้ากันดีก่าาาาา ถ้าเทียบอาหารเช้ากับ Sofitel So bangkok ผมให้ที่นี่สอบตกนะครับ แต่อย่าลืมเราอยู่บนเกาะที่ชื่อ Singapore เกาะที่ปลูกอะไรเองไม่ได้สักอย่าง เกาะที่น้ำเปล่าขวดล่ะ 50 บาท เมืองที่ข้าวมันไก่จานล่ะ 150 บาท เมื่อเทียบกับเรื่องราวเหล่านี้ อาหารเช้าก็ดูดีมีสกุลรุนช่องขึ้นมาทันตา
ไลน์อาหารไม่าค่อยมีอะไรนะครับ ของกระจุกกระจิก กินเล่น ซะเยอะ แต่ของส่วนใหญ่เป็นของคุณาพดี ไม่ใช่ไก่กาอาราเร่
ดูไลน์แบบรวมๆล่ะกันนะครับ
มีอาหารพื้นเมืองให้ชิมด้วย รสขาติพื้นเมืองป่าวไม่รู้ รู้แต่อร่อยดีฮะ
เชื่อว่าเป็นเมนูที่คนไทยกรี้ด แซลม่อนรมควัน กับปลาทูน่ารมควัน จัดไปไม่มีอั้น
อย่าหาว่าผมสตรอเลยนะ ตั้งแต่กินเอกเบเนดิกมาในชีวิตนนี้ เอกเบเบดิกที่นี่อร่อยสุด อาจเพราะขนมปังที่ปิ้งมาแบบพอดี้ พอดีกรอบนอกนุ่มใน ตัวซอสก็ไม่เปรี้ยวโดจนเกินเหตุ กลมกล่อมมากกกกก กราบกันเลยล่ะ
วันที่ทานอาหารเช้า ผมสั่งชามาแทนกาแฟ เสริฟมาได้น่ารักมากกก เอาคะแนนไป 10 เต็ม ชอบมากเสริฟมาในกาแบบนี้
เอาล่ะครับไปเช็ดอินที่เคาเตอร์เช็คอินกันดีก่า บริเวรนี้คือลอบบี้สำหรับแจกที่เข้าพักในโรงแรม จะว่ามีอะไรก็มีนะ จะว่าไม่มีอะไรก็ได้ ตกลงมันมีอะไรหรือเปล่าหว่า 555555
จะเห็นไดเ้ว่าในทุกจุดของโรงแรมจะมีสัญลักษณ์เป็นรูป 6 เหลี่ยมเต็มไปหมด เป็นการสื่อถึง ประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์โซฟิเทลครับ (ขีดเส้นตามมุมของประเทศฝรั่งเศสจะได้เป็นรูป 6 เหลี่ยมฮะ)
ส่วนตรงบริเวณลอบบี้เช็คอิน จะเป็นกระจก 8 เหลี่ยม เพื่อเป็นการสื่อถึง พลังของกระจกแปดเหลี่ยม กระจกที่มีพลังขับไล่สิ่งชั่วร้าย และ ต่อต้านพลังไม่ดี เมื่อแขกที่เข้าพักที่นี่ถ้ามีสิ่งไม่ดีติดตามมาด้วยจะถูกปัดเป่าออกไป
ที่นี่บอกไว้ว่ากระจก 8 เหลี่ยมนี้คือตัวแทนของตะวันออก(สิงคโปร์)และ กระจก 6 เหลี่ยมคือตัวแทนของตะวันตก(ฝรั่งเศส) มีความหมายถึงแม้จะแตกต่างกันในบางอย่างของตะวันตก และตะวันตกแต่เราก็อยู่ร่วมกันและผสมผสานกลมกลืนกันได้อย่างเป็นอย่างดี (ช่างคิดแท้พ่อคุณ ฟังซะเมื่อยหูเลยกว่าจะเข้าใจ 55555 )
นี่คือเวลคัมดริ้งแบบปกติที่ทุกคนจะได้รับเมื่อมาถึง เห็นรีวิวอื่นๆอล้าอลังกว่านี้มากกกก ทำมั้ยผมไปกล้าเป็นแบบนี้ไปเนี้ยะ รสชาติก็เปรี้ยวๆหวานๆ ผสมๆกัน แต่โดยรวมคือน้ำผลไม้อ่ะครับ (อันนี้สอบตกนะที่ Sofitel So bangkok ดูมีลุกเล่นกว่าเยอะ ที่เสริฟน้ำอัญชันสีฟ้า แล้วเททอปปิ้งเป็นมะนาว พอคนจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง แนะนำให้ไปคิดใหม่ทำใหม่ปรับปรุงใหม่นะ น่าจะมีอะไรว้าวกว่าน้ำผลไม้ใส่หลอดทดลอง )
เอาล่ะครับไปดูบนตึกกันบ้าง ฟิตเนสจะอยู่ที่ชั้น 2 ครับ ถือเป็นฟิตเนสโรงแรมที่ผมเข้าบ่อยมากกกกในชีวิตนี้ ไม่ใช่มาออกกำลังกายนะครับ แต่เข้ามาเอาน้ำฟรี สิงคโปร์น้ำแพงมากกกกกกกกก แอบมาเอาน้ำทุกทีเลยเวลาออกไปแรดข้างนอก วันนึงหลายรอบมาก คุ้มแต้ๆ พักที่นี่ อ้อ พูดถึงอุปกรร์ออกกำลังกายหน่อยก็ได้ บอกเลยมีแต่เครื่องแพงๆทั้งนั้น บางตัวราคาเป็นล้านเลยครับ ใครกลัวไม่คุ้มให้มาจัดที่นี่ด้วยนะครับ
ชั้น 6 จะเป็นพูลบาร์และสระว่ายน้ำครับ บอกเลย กลางวันเงียบสงบมากกกกกกกก ประหนึ่งสระว่ายน้ำของฉันคนเดียว งงอยู่นานว่าทำมั้ยถึงบางอ้อ ตรงหย่อนขาลงไปในน้ำ มันใช่เลยครับ น้ำเย็นมากกกกกกก จะเย็นไปไหน พอกับสระว่ายน้ำที่ Sofitel So bangkok เลยครับ วิวสวย สระสวย แต่เล่นไม่ได้ แงๆๆๆๆ
ส่วนชวงกลางคืนมีพูลปาร์ตี้ มันส์แบบที่เรียกว่าหาจุดยืนถ่ายรูปไม่ได้กันเลย คนแน่นมากกกก เสียงดังมากกกก มันส์มากกกกกก เอารูปของโรงแรมไปดูล่ะกันนะ
หมดแล้วจ๊ะส่วนกลาง มีเท่านี้แหละโรงแรมนี้ ไปดูห้องพักกันดีก่า ชั้นของห้องพักจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนด้านหน้าคือตึกเก่า และส่วนด้านหลังคือตึกใหม่ที่ประกบเข้ามา ฟีลลิ่งของชั้นห้องพักท้งหมดถูกออกแบบมาให้เหมือนกับแมนชั่นหรูย่านใจกลางกรุงแพร์ริส(ปารีส)( กรุณออกเสียงให้กระแดะอีกครั้ง “แพร์ริส” )
บริเวรทางเดินในชั้นห้องพัก ผมบอกเลยผมชอบมากกกกกกก เพราะมันสว่างโล่ง ขาว วินเทจ วิ้งๆ งามมาก สมกับเป็นแมนชั่นหรูหรา ยกนี้ให้ชนะ Sofitel So bangkok นะ ทางเดิน โซ แบงคอก มืดมากกกกก เหมือนเดินในบ้านผีสิงเลย ทุกนาทีที่เดิน ตื่นกลัวจะมีผีโผล่ออกมาจากตรงไหนซักซอกจริงๆนะ
ห้องระดับแรก ห้องนี้คือห้องที่ บัตร Accor Advantage Plus จะใช้สิทธิเข้าพักฟรีได้
SO COSY & SO COMFY ห้องพื้นที่ไม่ใหญ่โตนะครับ แต่เพดานสูงมากกกกกกกก เบิ้ล 2 เท่า ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย ไม่อึดอัด แต่้ด้วยพื้นที่ๆจำกัดห้องนี้จึงวางได้แต่เตียงเดี่ยว และ COSY COMFY ต่างกันไง ห้องเหมือนกันเลยครับ (มันคือห้องเดียวกันครับ) ต่างกันแค่ อเมนนิตี้ His&Hers@So toiletriesและ Signature #35
ห้องน้ำไม่มีอ่างอาบน้ำนะครับ มีห้องอาบน้ำฝักบัว โดยรวมก็ไม่ใหญ่โตอะไร (แต่สีขาววิ้งมากกก บอกเลยผมแพ้ความขาว ) และแน่นอนสุขาไม่มีสายชำระ ไม่ปลื้มนะจ้า
SO URBAN (ถ้าจองใช้ฟรีไนท์มา ต้องใช้บัตรเบ่งแพลตตินั่ม จะได้อัพมาห้องนี้ครับ ถ้ามีห้องว่าง) ห้องนี้คือห้องที่ผมพักเป็นห้องที่มีขนาดต่างจาก SO COSY & SO COMFY ขึ้นมาเล็กน้อย มีให้เลือกทั้งเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ โดยรวม สำหรับผมห้องนี้คือห้องที่ลงตัวที่สุดของที่้นี่ครับ ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ทุกอย่างดูจัดวางได้ลงตัวมาก พอดิบพอดีกับห้องเลย มีพื้นที่ว่างในห้องเล็กน้อยด้วยถ้าเป็นห้องเตียงเดี่ยว
ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำให้ด้วยที่เหลือเหมือน SO COSY & SO COMFY
แต่แยกห้องสุขาไปไว้ต่างหาก ไม่รวมกับห้องอาบน้ำ
มินินบาร์ที่เป็นของกินสำหรับห้องทุกไทพ์ฟรีหมดทุกอย่างยกเว้น แอลฯครับ
ไล่ตามลิ้นชักเลยครับ ดูกันเอาเอง มีอะไรกินบ้าง มีขนมให้กินฟรี เติมทุกวัน กาแฟ อิลี่
1.น้ำในตู้แช่ฟรีหมดครับ ใครจะกินไรได้หมด เขาจะมาเติมทุกวัน แนะนำว่า ก่อนเขามาทำความสะอาดห้อง ให้โกยมาเก็บไว้ในเป๋าเราก่อน อิอิ
2.ระบบสั่งการไฟฟ้าทุกอย่างสั่งด้วยไอแพด โทรศัพท์ในห้องใช้ไอโฟน (ถามว่าไอแพดมีรวมมั้ย มีบ้างนะครับ รวนก็ปิดไฟแบบปกติได้สบายบรื้อ)
3.His&Hers@So toiletries คือกล่องอเมนนิตี้ ที่แยกของหญิงชายให้เฉพาะ ยกตัวอย่างเช่นของผู้หญิงก็จะมีน้ำหอม ลิปมัน ของผู้ชายจะมีที่โกนหนวด เป็นต้น
4.ประตูตู้เสื้อผ้าใหญ่มาก เมื่อเปิดออก2 บานพร้อมกันจะปิดทางเดินพอดีเป็นเหมือนห้องแต่งตัวเฉพาะกิจได้
5. ของเทิร์นดาวก่อนนอนเป็นตุ๊กตาสิงโตแสนน่ารัก ใครไม่ได้อย่าลืมทวงนะจ๊ะ
6. มีสายชาร์จโทรศัพท์ทุกรุ่น ไว้บริการให้เลย ไม่ต้องต่อปลี๊ก เสียบชาร์จได้เลยมีทุกหัวแซ่บมากกก ไอเดียนี้
7.ขนมเวลคัม เป็นคุกกี้ข้าวโอ๊ต กับ ข้าวเกรียบ
ปิดท้ายที่ระบบทีวีในห้องเหมือนที่ Sofitel So bangkok สั่งการด้วยคีย์บอร์ดและรีโมทมหัศจรรย์
SO
SO STUDIO พื้นทีใหญ่กว่า SO URBAN จริงๆ แต่การจัดวางห้องไม่ลงตัวเอาซะเลย แปลกๆงงๆ หนักไปข้างนึง ไงไม่รู้ เป็นห้องที่ผมไม่ค่อยชอบเลยจริงๆนะ
ห้องน้ำไม่มีอ่างอีกต่างหาก แพงกว่าแท้ๆ
SO LOFTY คือห้องที่มีทุกอย่างครบครันที่สุด พื้นที่กว้างขวาง ชุดโซฟาไฮโซ อ่างอาบน้ำแบบอลัง และระเบียงห้อง(ที่ผมจะไม่ออกมาเด็ดขาด ก็อยู่กลางเมือง เสียงดังมากกก แถมฝุ่นเยอะไปหมด)
SO
SO VIP สำหรับคนรวยจริง อะไรจริง พื้นที่ใช้สอย กว้างไปนะ โล่งไปหมด ถ้าถามผมห้องนี้กว้างจริงแต่ดูไม่ค่อยลงตัวเลย สำหรับผม SO LOFTY คือห้องที่ดีกว่าห้องนี้นะ ทุกอย่างในห้องนี้แทบจะเหมือนกับ SO LOFTY แต่แค่มีขนาดใหญ่กว่า กับโต๊ะกินข้าว(จะมีมาทำมั้ยเนี้ยะ)เพิ่มเข้ามา
จะสังเกตได้ว่า ดอกจากเพดานห้องทุกห้องจะสูงแล้ว ยังมีฉากที่เป็นรูปโดมอยู่ด้วยทุกห้อง เพื่อให้เวลานอนแขกจะรู้สึกโปร่งโล่งสบายยยย (จริงเหรอ)
ปิดท้ายด้วย ลูกเล่นเกร๋ๆ ที่มีการเล่นแสงไฟโดยยิงยิงลงโต๊กระจก เพื่อให้เกิดแสงสะท้อนแผนที่สิงคโปร์ขึ้นไปเป็นลายบนผนัง ช่างคิดจริงๆคนออกแบบ
มาสรุปปิดท้ายกันเถอะ
ถ้าถามผมผมชอบมั้ย บอกเลยว่าชอบมากกกกก ทั้งโทนสีที่ใช้ตกแต่ง รวมไปถึงเรื่องดีเทลมากมายมหาศาลในโรงแรม ถึงแม้จะมีอะไรบ้างนิดๆหน่อยที่ไม่ค่อยถูกใจ แต่โดยรวมผมให้ 9/10 เลยครับ ใครๆก็รู้ว่าราคาโรงแรมสิงคโปร์แพงระยิบระยับขนาดไหน 3 ดาวอย่างไอบิส ยังล่อไป 3000 กว่าบาทล่ะ เพราะะนั้น ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 7500 บาท สำหรับที่นี่ผมถือว่าสมเหตุสมผลกับสิ่งที่ได้รับนะครับ และจะยิ่งคุ้มมากกกยิ่งขึ้น ถ้าได้มาใช้ฟรีไนท์กับที่นี่ ใครมีบัตร Accor Advantage Plus ผมขอการันตีเลยครับ Sofitel So Singapore ถือเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่คุ้มค่าที่สุดที่จะมาใช้ฟรีไนท์
เรื่องกินส่งท้ายกันสักนิดเนอะ
ส่วนใครมาแถวไชน่าทาวน์ ก็ไม่ควรที่จะพลาด ข้าวทันไก่เทียนๆ ที่ศูนย์อาหหาร maxwell ตรงข้ามวัดพระเขี้ยวแก้ว ราคา 5 เหรียญ อร่อยแซ่บลืมข้ามมันไก่บ้านเราไปเลยครับ
ปิดท้ายกัยที่ข้างโรงแรม Sofitel So Singapore ช่วง 6 โมงเย็นเขาจะปิดถนน เปิดเป็น “ถนนสเต๊ะ” ใครอยากมากินสเต๊ะ ก็ลองมาทานได้ที่นี่นะ เมนูแนะนำ กุ้งสแต๊ะจ๊ะ (แต่ผมว่าอร่อยสู้ที่เชฟวานไม่ได้อ่ะ)