ถ้าจะให้คำจำกัดความของ ภูใจใส เชียงราย ลุงขอเรียกที่นี่ว่า “หมู่บ้านลับแลที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติ” น่าจะเหมาะที่สุด เพราะลุงไม่ได้รู้สึกว่าที่นี่นั้นจะเหมือนโรงแรมทั่วๆไปที่ลุงรู้จักมา แต่ที่นี่พยายามนำเสนอวิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้านในแถบนี้ผ่านความเป็นโรงแรมต่างหาก
จากภาพมุมสูงภาพนี้ อาจทำให้เราเชื่อได้สนิทใจว่า ที่นี่คือหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาจริงๆ
จุดขายหลักของภูใจใส คงจะเป็นเรื่องวิวและธรรมชาติความเขียวสดชื่นของภูเขานี่แหละฮะ ส่วนเรื่องมุมถ่ายรูป ขอตอบเลยว่ามีอยู่ประมาณนึงเลยฮะ แต่จะเป็นมุมถ่ายรูปที่มาแนวธรรมชาตินะ ใครชอบถ่ายรูปแนวนี้น่าจะชอบ เราไปดูภาพโดยรวมและมุมถ่ายรูปของรีสอร์ทกันดีกว่า
โรงแรมมีสระว่ายน้ำมั้ย ?
เมื่อเป็นโรงแรมราคา 1000 กว่าอัพแล้วก็ควรต้องมีสระว่ายน้ำด้วยแหละ สระว่ายน้ำที่นี่ซ่อนตัวอยู่ในป่าฮะ ให้ฟีลเหมือนบึงน้ำใสในป่าลึก ( อาจเดินไกลสักนิดจากโซนห้องพักนะ )
พื้นที่ส่วนกลางในรีสอร์ท ถ้านับกันจริงๆ ก็คงไม่ได้มีมากนักฮะ และจุดที่มีพื้นที่ใหญ่สุดก็คงจะเป็นโซนร้านอาหารและบาร์ที่เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้านนี่แหละฮะ
ไปชมบรรยากาศช่วงกลางคืนบ้างดีกว่าฮะ บอกเลยว่าให้คนละฟีลกับตอนกลางวันเลย
ช่วงดึกๆสัก 4 – 5 ทุ่ม รีสอร์ทจะเริ่มค่อนข้างเงียบ และ ทางรีสอร์ทจะเริ่มหลี่ไฟภายในรีสอร์ทลง ทำให้เราได้เห็นดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของรีสอร์ทที่ไม่ควรพลาดกัน
ส่วนไฮไลท์อีกอย่างของรีสอร์ทที่ไม่ควรพลาด จะมาช่วงเช้าเวลาประมาณ 7 โมงเช้า คือการใส่บาตรพระขี่ม้าฮะ เรียกว่ามีที่เดียวในประเทศไทย ก็คงไม่ผิด
อาหารเช้าโรงแรมเป็นยังไงบ้าง ?
อย่างที่บอกไป ด้วยความที่คอนเซ็ปของโรงแรมเป็นหมู่บ้านในภูเขา อาหารเช้าจึงไม่ได้ออกมาหรูหรา ไอเทมมากมาย เหมือนโรงแรมทั่วไป แต่จะมาแนวการใช้วัตถุดิบที่ผลิตหรือปลูกขึ้นเองซะส่วนใหญ่ฮะ ยกตัวอย่าง ผัก ไข่ไก่ ชา และ น้ำผึ้ง ก็เป็นของที่รีสอร์ทผลิตเองฮะ
วันไหนแขกเยอะก็จะจัดเสริฟเป็นบุฟเฟ่ต์ ส่วนถ้าแขกน้อยก็จะจัดเป็นเซ็ตๆเสริฟฮะ
ข้าวต้มของโรงแรมเป็นอีกเมนูที่อร่อยมาก เป็นข้าวต้มกุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง และเห็ดหอม แนะนำให้สั่งมาลองทานดูกันฮะ
ผักสดพวกนี้เป็นผักที่ทางรีสอร์ทปลูกเองเช่นกันฮะ
อีกเมนูที่ลุงชอบมาก คือ ขนมปังและแยมโฮมเมด อร่อยมาก ขนมปังปิ้งที่นี่ไม่ได้ใช้เครื่องปิ้งฮะ ยังใช้วิธีปิ้งแบบโบราณ อยู่
ส่วนใครอยากรู้ว่า อาหารเช้าที่เรากินนั้น มาจากไหนบ้าง ทางรีสอร์ทมีทัวร์รถอีแต๋นพาไปดูนะฮะ ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 3 ชั่วโมง ทางรีสอร์ทจะพาไปดูทั้งไร่ชา ฟาร์มไข่ และ สวนผักฮะ ใครอยากสัมผัสวิถีชาวบ้านแบบจริงจัง ลองสอบถามตารางท่องเที่ยวกับทางรีสอร์ทได้นะฮะ (จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 300 บาท/คน)
ส่วนอาหารมื้ออื่นๆของโรงแรมก็ หาทานได้ที่ห้องอาหารหลักนี่แหละฮะ มีห้องอาหารเดียว
อันนี้เป็นเซ็ตอาหารไทย ที่แถมมากับแพคเกจสำหรับ 2 คืน ที่นี่ทำอาหารไทยอร่อยนะ ส่วนราคาก็แอบไม่ถูกนะสักเท่าไหร่ (น้ำพริกอร่อยมั่กๆ)
ส่วนใคร ชอบอาหารฝรั่ง ก็สามารถเซ็ตอาหารฝรั่งที่แถมด้วยเช่นกัน มูลค่าต่อเซ็ต คือ 1000 บาทฮะ ส่วนตัวชอบ เซ็ตอาหารไทย มากกว่า แหะๆ ถูกจริตลุงมากกว่า อาหารฝรั่งเขาจะรสกลางๆ
ส่วนเมนูอลาคาร์ตก็มีอยู่หลายเมนูนะฮะ มีทั้งไทยและเทศ
สปาเป็นพื้นที่ส่วนกลางจุดสุดท้ายของโรงแรม คอนเซ็ปยังคงเป็นหมู่บ้านลับแลฮะ แต่เป็นอีกหมู่บ้านที่แยกตัวจากหมู่บ้านที่เป็นที่พักฮะ ถามว่า สปาที่นี่เป็นยังไง นวดดีมั้ย จากที่ลองมาไม่ค่อยต่างจากโรงแรม 5 ดาว นะฮะ ทรี้ดเม้นท์ไฮไลท์คือ นวดน้ำมัน + ลูกประคบ ฮะ บรรยากาศดี นวดดี บริการดี คุ้มราคา (โปรโมชั่น)
ในส่วนของด้านหน้าสปาจะเป็นร้านของฝากที่ระลึก ใครสนใจหาซื้อของฝาก สามารถหาได้ที่นี่
มาปิดท้ายที่เรื่องห้องพักกันดีกว่า ถามว่าห้องพักดีมั้ย
อย่างที่บอกไป ด้วยความที่คอนเซ็ปในโรงแรมเป็นหมู่บ้านในป่าเขา ห้องพักก็จะออกมาแนวบ้านไม้ไผ่ บอกเลยว่าห้องพักที่นี่ไม่เหมือนกันเลยสักห้อง ถึงแม้ห้องในราคาเดียวกัน ก็หน้าตาไม่เหมือนกันฮะ ส่วนเรื่องความสะดวกสบายอาจไม่ได้เท่าโรงแรมในเมืองนะฮะ ห้องพักส่วนใหญ่ไม่มี ตู้เย็น ทีวี ไว้บริการ
ห้องที่อยากแนะนำคือ ห้องพูลวิลล่าฮะมีด้วยกัน 2 ห้อง ห้องนี้เป็นห้องใหญ่สุด ถ้าจะให้แนะนำ แนะนำห้องนี้ฮะ ถือว่าเป็นห้องที่สวยที่สุด ใหญ่ที่สุดฮะ สระห้องนี้ก็ใหญ่ด้วย
พูลวิลล่าอีกห้อง จะเป็นห้องสีขาว สระและห้องเล็กกว่า นิดนึง แต่ด้วยความที่ห้องเป็นสีขาวทำให้ถ่ายรูปขึ้นกว่า
ส่วนห้องอื่นๆก็จะมีหลายแบบ อย่างห้องนี้ เป็นห้อง Family Cottage ฮะ เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน วิวห้องนี้สวยทีเดียว
ห้องนี้ชื่อว่า Upper Mountain Cottage ในราคาที่ไม่แพงมากนัก ห้องนี้ (ห้อง 501) ถือเป็นห้องที่วิวสวยมากเลยฮะ โดยส่วนตัวแล้ว ตั้งแต่ห้องระดับนี้ลงไป การตกแต่งแทบไม่ต่างกันเลยฮะ ส่วนใหญ่จะต่างกันที่ขนาด และวิวฮะ
Mountain Cottage ห้องจะเล็กลงมานิดนึง วิวก็จะเตี้ยมาอีกนิดนึง
ให้ห้องระดับ Mountain และ Upper Mountain ห้องน้ำส่วนใหญ่ จะหน้าตาแบบนี้ฮะ จะมีอ่างให้แทบทุกห้องนะ
Cottage ห้องเริ่มต้นของที่นี่ เอาจริงๆ บางห้องวิวก็สวยไม่แพ้ Deluxe Mountain เลยฮะ แค่ขนาดห้องเล็กกว่าและห้องระดับนี้ไม่มีอ่างเท่านั้น
สรุปปิดท้าย
คือต้องบอกก่อนว่าโรงแรมนี้ไม่ใช่โรงแรมแบบที่เรารู้จักกัน แต่เป็นโรงแรมที่มีคอนเซ็ปให้เราได้สัมผัส วิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้าน แถบๆนี้ โรงแรมมีดีในแบบที่ควรจะเป็นฮะ แต่อาจไม่ได้สะดวกสบายเหมือนโรงแรมในเมืองเนอะ ยกตัวอย่าง ทีวี ตู้เย็นไม่มี ใครอยากสัมผัสวิวสวยๆ ธรรมชาติแบบสดชื่นจริงๆ ลองแวะมากันดูฮะ บอกเลยว่า สูดลมหายใจได้เต็มปอดจริงๆ
ป.ล. ใครมาช่วงอากาศดีๆ อย่าลืมออกมาดูดาวกันเนอะ มันดีมาก ไม่ควรพลาด บอกเลย