สวัสดีคร้าบบบบบบ ไดอารี่หน้านี้จะพาเพื่อนๆมาสัมผัสกับ ศาลาที่ถูกจัดอยู่ในคอลเล็คชั่น 3 อณาจักรของศาลา โดยคอนเซ็ปจะเน้นเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำเป็นหลักและมีโรงแรมห้าดาวขนาดเล็กประกบเข้าไปด้วย โดยทั้งสามที่นี้จะยังคงความอาร์ตในแบบฉบับของศาลาไว้อยู่ แต่จะหล่อหลอมจุดเด่นของแต่ล่ะอณาจักรเข้าไป
ศาลาล้านนา ความงดงามอ่อนช้อยและวัฒนธรรมที่น่าหลงไหลของอณาจักรล้านนา
ศาลารัตนโกสินทร์ ความรุ่งเรืองแห่งราชธานีล่าสุดของสยามประเทศ
ศาลาอยุธยา ความยิ่งใหญ่กับราชธานีที่เคยเป็นดังพยัคฆ์แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
และในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักที่นี่กัน ศาลาล้านนา เชียงใหม่ ฮะ
ทำเลที่ตั้ง ศาลาล้านนา ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ ติดฝั่งริมปิง ตรงข้ามกาดหลวง กาดลำไย ใกล้กับวัดเกตุการาม (วัดนี้มีพระธาตุเกษแก้วจุฬามณี พระธาตุประจำปีเกิดของปีจอของชาวล้านนาด้วย)
แถวถนนเจริญราษฎร์ มีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
ย่านนี้เป็นเป็นย่านศิลปะเก่าของเมืองเชียงใหม่ ใครชอบบรรยากาศเก่าของเมืองเชียงใหม่สมัยก่อน น่าจะชอบเส้นนี้กันฮะ แถวนี้ร้านรวงดังของเมืองเชียงใหม่กระจุกตัวอยู่หลายร้านน้า ไม่ว่าจะ Deck1 GoodView เวียงจุมออน ฯลฯ ขอนำเสนอเป็นบางร้านที่น่าสนใจให้เพื่อนๆเป็นข้อมูลเอานะฮะ เริ่มจากร้านแรก เป็นร้านที่อยู่ตรงข้าม ศาลาล้านนาพอดี ชื่อ Woo Cafe ไม่ต้องพูดอะไรมาก ร้านสวยมากกก บรรยากาศดี รสชาติขนมกลางๆ เครื่องดื่มก็กลางๆแต่แก้วใหญ่มากกกก ใครชอบคาเฟ่บรรยากาศดีๆ ผมแนะนำร้านนี้ฮะ
ถัดมานิดนึง จะเจอ ข้าวเกรียบอ่อนลุงขจร ขายมากี่สิบปีแล้วเนี้ยะนับไม่ถูกเลย อร่อยและถูก คือคำนิยามของที่นี่ ไม่มีที่นั่งกินนะฮะ ซื้อกลับเท่านั้น
เดินถัดจากลุงขจรมาอีกนิด เค้กบ้านเปี่ยมสุข ถ้าพูดถึงพายมะพร้าวในเชียงใหม่ บอกได้เลยว่าไม่มีร้านไหนเทียบร้านนี้ได้อย่างแน่นอน ไปทีไร ราคาก็ขึ้นทุกที กินจากชิ้น 55 ตอนนี้ 75 บาทแล้วฮะ
จริงๆยังมีอีกหลายร้าน แต่เอาเป็นว่าให้เพื่อนได้ลองมาสำรวจกันเองดีกว่า แล้วจะรู้ว่าย่านนี้ก็ไม่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
เอาล่ะครับ วันนี้ผมจะพาไปสำรวจที่นี่กันฮะ Sala Lanna Chiang Mai
จากข้อมูลที่ได้มา….เดิมทีความตั้งใจแรกของที่นี่ต้องการสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศริมน้ำปิงเท่านั้น แต่เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง บ้านพักตากอากาศหลังนี้ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็น ร้านอาหารริมน้ำ และ โรงแรมขนาดเล็กเพียง 15 ห้องพักศาลาล้านนาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะหล่อหลอมความเป็นศาลากับวัฒนธรรมล้านนานั้นเอง เรามาพูดถึงภายนอกของตัวโรงแรมกันก่อน ที่นี่ตั้งใจเลือกใช้การนำเสาไม้มาใช้ตกแต่งอาคารภายนอกของโรงแรมแทนเสาปูน เพราะอยากให้ตัวโรงแรมนั้นยังกลนกลืนไปกับบ้านเรือนเก่าสไตล์ล้านนาแถวๆบริเวณนี้ ผนังภายนอกตัวตึก ก็ดูแปลกตาไม่เหมือนกับโรงแรมไหนๆ เพราะที่นี่ตั้งใจเลือกที่จะใช้ การฉาบผนังด้วยซีเมนต์ผสมทรายเพื่อให้ได้ฟีลลิ่งงานช่างปูนหมักโบราณ ที่เราสามารถเห็นตามวิหารต่างๆในแบบล้านนา
บริเวณผนังของโถงอาคารเลือกใช้สีเทาและตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังแบบประยุกต์ ให้ความรูสึกเหมือนเวลาที่เราเดินเข้าไปในวิหารล้านนา โถงกลางนี้คือตัวแทนสื่อให้ทุกคนรับรู้ว่า ตอนนี้ คุณได้ก้าวเข้าสู่โลกของวัฒนธรรมล้านนาริมน้ำแล้ว สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ ความรู้สึกที่สงบ ช้าลง และ ไม่สับสนวุ่นวายเหมือนภายนอก ทุกย่างก้าวที่เดินในนี้คือความ สงบ สบาย และผ่อนคลาย
ลอบบี้เช็คอินจะอยู่ติดกับโถงกลางแห่งนี้ ลอบบี้เช็คอินของที่นี่มันไม่ได้เลือกที่จะเน้นถึงความอลังการ แต่กลับให้ความรู้สึกที่ความเรียบง่าย เป็นกันเอง แต่ดูอาร์ตทีการเลือกใช้ของตกแต่ง นี่แหละครับ คือเสน่ห์ความเป็น “ศาลา” อย่างแท้จริง เรียบง่ายแต่มีศิลปะ
จะว่าไปแล้ว ของตกแต่งของที่นี่ที่สื่อให้มีกลิ่นอายของความเป็นล้านนาก็มีอยู่หลายอย่างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพรมลายชาวเขา ซึ่งสั่งทอมาเป็นลายเดียวกับที่สระว่ายน้ำ
หรือการใช้ระแนงไม้เพื่อให้แสงธรรมชาติลอดผ่านเข้ามา ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี่
สระว่ายน้ำหลักของที่นี่จะอยู้ที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นดาดฟ้าของโรงแรม เชื่อว่าที่เลือกมาให้อยู่จุดนี้ก็เพราะต้องการให้แขกที่มาพักรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว แยกส่วนออกจากแขกที่มาทานอาหารที่ห้องอาหารอย่างชัดเจน อีกทั้งบนดาดฟ้าแห่งนี้ก็ยังเห็นวิวดอยสุเทพและวิวริมน้ำปิงอย่างชัดเจน สระว่ายน้ำไม่ได้ใหญ่โตอะไรนะ เหมาะกับการมาแช่น้ำแล้วจิบอะไรเบาๆ ฟินไปกับบรรยากาศยามเย็น และวิวดอยสุเทพ
ที่ชั้นดาดฟ้าแห่งนี้จะมี rooftop bar เปิดเฉพาะวัน ศุกร์ถึงอาทิตย์ ช่วงหน้า พ.ย. – มี.ค. อยู่ด้วยครับ เวลาที่ดีที่สุดที่จะขึ้นมาดริ้ง แดร้ง ดรั้ง คือ ช่วงยามอาทิตย์อัสดง ฮะ
ในส่วนของห้องพัก หลักๆจะมี 4 แบบ แต่….ผมจะพาชมกันแค่ 3 แบบพอเนอะ อีกแบบที่ไม่พาไปชมเป็นห้องเริ่มต้น ซึ่งมีแค่ 2 ห้องเท่านั้น
Deluxe Suite ในความรู้สึกผมคือห้องที่ตกแต่งได้ลงตัวและสวยที่สุดครับ ห้องมีขนาดใหญ่โตสุดเลยครับ ห้องจะถูกแบ่งเป็นสามส่วน แบบไม่แยกจากกัน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ การตกแต่งที่สวยหวาน คุมโทนห้องอยู่ในโทนสีเทา การตกแต่งใช้ผ้าพื้นเมือง หมอนแบบล้านนาและพรมลายชาวเขา มาช่วยเพิ่มกลิ่นอายของความเป็นล้านนา เฟอนิเจอร์เลือกที่จะใช้ไม้เป็นหลัก
ห้องน้ำคือส่วนที่เติมเต็มความหวานให้กับห้องนี้อย่างสมบูรณ์แบบ แยกโซนเปียกโซนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน ถึงแม้อาจจะดูโป๊ไปสักหน่อย แต่มีผ้าม่านติดมิดชิด
riverview deluxe balcony ถ้าใครอยากรู้ว่าอะไรคือศาลาล้านนา ผมแนะนำให้พักห้องนี้ครับ เพราะหลายอย่างแสดงถึงความเป็น ศาลาล้านนาได้ค่อนข้างชัดเจนพอดู เสน่ห์ของริมน้ำปิงในมุมสูงคือคำจัดความของห้องนี้ครับ ห้องถูกแบ่งเป็นสามส่วนหลักๆเหมือน Deluxe Suite ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ เมื่อเปิดประตูมา เราจะเจอห้องน้ำก่อนครับ ฟีลลิ่ง ขาวโอโม่ หวานชวนฝันเหมือนเดิม ห้องน้ำจะมีขนาดเล็กกว่า ห้อง Deluxe Suite อยู่นะ แต่การจัดวางพื้นที่ต่างๆเหมือนกันเลยครับ ห้องนั่งเล่นของห้องนี้คือ ระเบียงนี้แหละครับ เป็นห้องนั่งเล่นบรรยากาศโอเพ่นแอร์ พร้อมกับวิวมุมสูงของริมน้ำปิง
riverview superior balcony คือ ห้อง riverview deluxe balcony ที่มีการย่อส่วนลงมา และอยู่ในชั้นที่ต่ำกว่า ผมชอบห้องนี้ ตรงสายสร้อยคริสตัล ที่ห้อยลงมามากๆๆๆ มันทำให้ห้องนี้ดูสวยหวานขึ้นกว่าห้องอื่นๆ
ภายในห้องทุกห้อง จะมีข้าวของเครื่องใช้ที่สื่อถึงความเป็นล้านนาอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ย่ามลายชาวเขา ตุ๊กตาผ้าช้างและนกฮูก
ในส่วนของอาหารเช้าของที่นี่มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างจากตอนเปิด อาหารเช้าจะเสริฟที่ห้องอาหาร On the Ping (riverfront eatery and bar) ตั้งแต่ 7 โมงเช้า – 11 โมง (รับทั้งแขกในและแขกนอก) อาหารจะเสริฟเป็นเซ็ตๆ สั่งได้คนล่ะ 1 เซ็ตเท่านั้น เซ็ตที่น่าสนใจ คือ เซ็ตศาลาเซ็ต (อเมริกัน เบรคฟาส) กับ ล้านนาเซ็ต (หมูปิ้ง น้ำพริกตาแดง ไข่ต้มยางมะตูม กับข้าวเหนียว)
ศาลาเซ็ต( อเมริกัน เบรคฟาส ) เซ็ตนี้คุ้มสุด เยอะมากกกกกกกก
ล้านนาเซ็ต (หมูปิ้ง น้ำพริกตาแดง ไข่ต้มยางมะตูม กับข้าวเหนียว)
อันนี้โจ๊กหมู ผมว่าดูธรรมดาไปหน่อยอ่ะ
ขนมปัง น้ำส้ม ชา กาแฟ มีเสริฟในทุกเซ็ตฮะ
และช่วงตั้งแต่ 11 โมงถึง 4ทุ่ม ห้องอาหาร On the Ping (riverfront eatery and bar) จะเปิดอาหารเที่ยงและมื้อเย็นยาวกันไป ฟีลลิ่งของห้องอาหาร จะคล้ายๆ บีชคลับริมน้ำปิง ที่ไม่ได้เน้นสีสัน หรือ ความวุ่นวาย แต่กลับเน้นที่ความสบายๆ ชิลล์ๆ เหมาะกับ วันพักผ่อน สบายๆ เบาๆ
ช่วงเวลาที่น่ามาเยือนที่นี่ สำหรับผมแล้ว ผมว่าเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ถึงช่วงเย็นๆ ค่ำๆ เราไปดูบรรยากาศกันก่อนฮะ ดูจากบรรรยากาศจะเห็นได้ว่าไม่เน้น เป๊ะ ปัง แต่จะเน้นที่ ชิลล์ๆ ง่ายๆ สบายๆ สั่งน้ำสักแก้ว นอนเกลือกกลิ้งที่บีนแบ๊ก อ่านหนังสือเล่มโปรดสักเล่ม รับลมเย็นๆก็โอเคแล้วฮะ
ช่วงเย็นถือเป็นอีกช่วงที่น่ามาทานอาหารค่ำหรือมาดริ้งกับคนรู้ใจและเพื่อนฝูงฮะ
ในทุกคืนวัน ศุกร์-เสาร์ เวลาประมาณ 1 ทุ่ม – 4 ทุ่ม จะมีดนตรีแจ๊สเล่นสดให้ฟังด้วยครับ ใครที่ชอบแจ๊ส ลองมากันฮะ ไม่มีการชาร์จเพิ่มใดๆ (ตัวที่คัดมาเล่นเขาบอกว่าเป็นตัวเทพของเมืองเชียงใหม่เลยนะฮะ)
ในส่วนของห้องแอร์ก็มีบริการนะฮะ แต่ผมยืนยันว่าถ้าไม่ร้อนมาก นั่งข้างนอกดีกว่าฮะ บรรยากาศดีกว่าเยอะ
เราไปดูอาหารของ On the Ping (riverfront eatery and bar ) มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง อาหารที่นี่จะตกราคา เริ่มต้นที่ 100 นิดๆฮะ อาหารส่วนใหญ่ก็ผสมๆ กัน ไทย ฝรั่ง อาหารเมือง
อันนี้ขนมปังพร้อมดริฟ เสริฟฟรี ฮะ
ผมขอเลือกเมนูที่ผมปลื้มลงก่อนนะฮะ
เตี๋ยวลุยสวน เสริฟพร้อม น้ำจิ้มรสเด็ดผสมวาซาบิ
กระดูกหมูตุ๋มยาจีน เข้มข้น กลมกล่อม อร่อยมากกก แนะนำเลย ชอบมากกกก
เนื้อตุ๋นผัดกระเพรา เนื้อนุ่มมากกกกก (เห็นวา่าตุ่นกันนานมากกก) ผัดมารสจัดเข้มข้นทีเดียว
ยำมะม่วง ปูนิ่ม เมนูนี้ที่ศาลารัตนโกสินทร์ก็มีฮะ ถือเป็นอีกเมนูไม้ตาย
อาหารโลคอลที่นี่ก็มีขายฮะ
ปลานึ่ง น้ำพริกหนุ่ม รสน้ำพริกหนุ่มจะออกรสกลางๆนะ ส่วนปลานึ่่งมากำลังดีไม่เห็นคาวฮะ
ออเดริฟเมือง ก็จะมี หมูยอ แหนม แคปหมู ไส้อั้ว (วันที่ไปทานหมด) ทานกับน้ำพริกหนุ่มฮะ
แกงเทโพ ขอหมูย่าง เมนูนี้ไม่ได้ชิมเลยฮะ เพื่อนสั่งมา เห็นชมว่าหมุอร่อยอยู่นะ
ใครถามหาอาหารจานเดียวต้องเมนูนี้ฮะ ข้าวผัดล้านนา ฟิลลิ่งเหมือนเอาออร์เดริฟเมืองไปทำข้าวผัด ถ้าเสริฟพร้อมน้ำพริกหนุ่มอีกอย่างนี่ใช่เลยฮะ
อาหารฝรั่งก็มีฮะ
ออกตัวก่อน ว่าไม่ถนัดอาหารประเภทนี้ ชิมมาก แล้วผมว่า…ก็อร่อยดีฮะ รสกลางๆ ฝรั่งน่าจะชอบนะ เสียนิดนึงผมว่าถ้าเป็นเนื้อชิ้นเล็กกว่านี้ แต่หนากว่านี้หน่อย น่าจะโอกว่า หรือเปล่า
จานนี้ปลาหิมะ กับซอสเห็ดฮะ แย่งเพื่อนกินไม่ทัน หมดเร็วมากกกกก สงสัยจะอร่อย
ในส่วนขนมหวานก็มีด้วยฮะ ฮันนี่โทส ใจอยากบอกว่าอร่อยโครตตตตตต แต่พูดไม่ได้เพราะยังไม่ได้ชิม ลดความอ้วนอยู่ T__T ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะอร่อยอยู่นะ
ส่วนใครไม่นี้ด ไม่สน อาหารหลัก แนะนำเป็นไฮทีดีกว่า เหมาะกับบรรยากาศนะ มาทานบ่ายๆเย็นๆ
สรุปปิดท้ายกันสักนิด
ต้องขอบอกก่อนว่า ศาลาล้านนาแห่งนี้ ถูกจัดอยู่ในคอลเล็คชั่น 3 อณาจักรของศาลา โดยคอนเซ็ปจะเน้นเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำเป็นหลักและมีโรงแรมห้าดาวขนาดเล็กประกบเข้าไปด้วย โดยทั้งสามที่นี้จะยังคงความอาร์ตในแบบฉบับของศาลาไว้อยู่ แต่จะหล่อหลอมจุดเด่นของแต่ล่ะอณาจักรเข้าไป
ศาลาล้านนา ความงดงามอ่อนช้อยและวัฒนธรรมที่น่าหลงไหลของอณาจักรล้านนา
ศาลารัตนโกสินทร์ ความรุ่งเรืองแห่งราชธานีล่าสุดของสยามประเทศ
ศาลาอยุธยา ความยิ่งใหญ่กับราชธานีที่เคยเป็นดังพยัคฆ์แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
สำหรับผมแล้ว ศาลาล้านนา ตีโจทย์ของความเป็นล้านนาออกมาได้โอเค ไม่ใช่แค่เพียงสถาปัตยกรรม แต่รวมไปถึงความรู้สึกในขณะที่เข้าพักด้วยครับ สำหรับผมแล้ว อณาจักรล้านนาไม่ใช่ความอลังการ แต่ล้านนาคือความงดงาม ความอ่อนช้อย ของศิลปะวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่มีเสน่ห์ ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ
ความคิดเห็นส่วนตัว
จากที่สัมผัสคอลเล็คชั่น 3 อณาจักรของศาลามา ศาลาล้านนาอาจจะดูเป็นศาลาที่ดูดร้อปกว่าศาลาอื่นๆอยู่สักหน่อย แต่หลังจากที่ปรับปรุงล่าสุด ศาลาล้านนาได้เปลี่ยนจุดขายจากฟายดายนิ่ง ไปเป็น ฟีลลิ่งบีชคลับแล้ว จึงทำให้ห้องอาหาร On the Ping (riverfront eatery and bar) เป็นห้องอาหารที่ดูสบายๆ ง่ายๆ เน้นความชิลล์มากกว่าที่จะเป็นฟายดายนิ่งหรูๆเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งผมว่าจุดนี้ถือเป็นข้อดีและก็เหมาะกับบริเวณนั้นด้วย ใครที่ชอบบรรยากาศความง่ายๆสบายๆน่าจะชอบกัน ส่วนราคาอาหารที่สัมผัสมา ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 100 ปลายๆ ถามว่าราคารับได้มั้ย รับได้นะฮะ กับแบรนด์นี้ (เพราะศาลาที่อื่นก็ราคานี้) แต่ใจก็อยากให้มีโปรโมชั่นที่ราคาลงมากว่านี้อีกนิด จะได้เข้ากับบรรยากาศของความชิลล์ ได้เป็นอย่างดี