ถ้าอยากสร้างความประทับใจให้กับคนพิเศษ เราควรพาไปทานอะไร ที่ไหนดี ?
เอาจริงๆ เดี่ยวนี้มีร้านอาหารดีๆมากมาย เยอะแยะไป แต่ถ้าจะให้พิเศษจริงๆ ผมก็ยังเลือกแนะนำที่นี่ฮะ Mandarin Oriental, Bangkok ที่นี่นอกจาก อาหาร และสถานที่ จะเรียกว่ายอดเยี่ยมแล้ว การบริการ ถือเป็นเรื่องที่เรียกว่ามีชื่อเสียงมานานมากแล้ว ผมเชื่อว่า ด้วยชื่อเสียงและความดีงามกว่า 140 ปีที่สั่งสมมาของที่นี่ ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน แต่ใครหลายๆคนอาจจะสะดุ้งกันที่แนะนำที่นี่ เพราะคาดว่าราคาคงแพงกัน ที่นี่คงรับแต่ไฮโซสิเนอะ จริงๆแล้วอาหารที่นี่ก็ไม่ได้แพงจนจับไม่ได้นะ ก็ราคาอาหารโรงแรมทั่วไปนะ อย่างที่ห้องอาหาร the verandah ราคาอาหารจานนึงก็ตก 300 กว่าบาทเท่านั้น แต่ โจทย์ของเราวันนี้คือ สร้างความประทับใจให้กับคนพิเศษ ผมจึงไม่ขอเลือกนำเสนอห้องอาหารนี้ เอาเป็นว่า ผมขอนำเสนอ ห้องอาหารที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จเพื่อฉลอง Mandarin Oriental, Bangkok อายุคบ 140 ปีล่ะกัน
Le Normandie
ห้องอาหารฝรั่งเศสหรูหราที่สุดของที่นี่ น่าจะเป็นห้องอาหารฝรั่งเศสระดับไฮเอนร้านแรกๆของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน (มว้ากกกกกกกกกก) ที่นี่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน ด้วยความที่ทุกอย่างดีงามไปหมด ราคาก็เลยพุ่งไปไกลทีเดียว (ในมื้อเย็น) เห็นราคาแล้วก็ขนลุกเกลียววววว ทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อน วันนี้ผมไม่ได้มาแนะนำมื้อเย็นฮะ เพราะมันดูโหดร้ายกับเป๋าตังค์ไปสักนิด วันนี้ผมจะมาชวนให้มาลอง เซ็ตลันช์ อาหาร 3 จาน ในราคา 1450++ เรียกว่าถูกเกินครึ่งทีเดียวเมื่อเทียบกับมื้อเย็น
เซ็ตลันช์ อาหาร 3 จาน ในราคา 1450++ จะประกอบไปด้วย
อาหารเรียกน้ำย่อย 1 จาน อาหารจานหลัก 1 จาน ขนมหวาน 1 จาน ซึ่งจะมีเมนูให้เลือกฮะ นอกจาก 3 จานหลักแล้วยังมีเซอร์ไพร์ตามอารมณ์เชฟอีก 2 -3 จาน อาหารจะมี 7 เมนูเปลี่ยนทุกวัน ใน 1 อาทิตย์กินกันไม่ซ้ำแน่นอนฮะ ไปครับเราไปดูบรรยากาศห้องอาหารกันก่อนฮะ
เมื่อเป็นห้องอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่ เพราะฉะนั้น เรื่องวิวจึงหมดห่วง วิวจะมีฝั่งแม่น้ำ กับ วิวเมือง แนะนำรีเควส วิวแม่น้ำฮะ
อย่างที่บอกไป ที่นี่จะมีเซอร์ไพร์ตามอารมณ์เชฟอยู่ด้วย จานแรก ล้างปากก่อนเนอะ รสชาติทานแล้วจะรู้สึกสดชื่น เบาๆ กินแล้วอารมณ์ดี เพราะว่าได้ฟรี 5555555
จานนี้ เสริฟมาให้ทานเล่นๆระหว่างรออาหารที่สั่งไป ไม่ใหญ่โต แต่อร่อยนะครับ และที่สำคัญ ฟรีอีกเช่นกัน
ก่อนอาหารจะเสริฟเขาจะมาเสริฟขนมปังฮะ ขนมปังที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นๆตรง จะเสริฟขนมปังอบร้อนและใหม่ๆที่เพิ่งออกจากเตาไม่เกิน ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อันนี้ใครอยากได้อะไรก็บอกน้องพนักงานไป ผมแนะนำให้ลอง บริยอช ราชินีของขนมปังอบ (อันนี้ก็ฟรีอีกแล้วครับผม)
เนยที่นี่พิเศษมากกกกกก ตัวหน้าอร่อยแบบธรรมดา แต่ตัวหลังนี่สิ เนยผสมสาหร่าย หอมแปลกใหม่ทีเดียว กราบบบบบ
จานนี้เป็น ทาทากุ้ง กับ เนื้อปูฮะ นอกจากสวยแล้วยังเสือกอร่อยมากด้วย กราบบบบ (จานนี้เป็น อาหารเรียกน้ำย่อย ที่เพื่อนสั่งมาลองต่างหากฮะ)
เอาล่ะครับมาดู อาหารเรียกน้ำย่อย เราสามารถเลือกได้ 1 จาน
จานนี้สลัด หน่อไม้ฝรั่งจากเมืองนอก ( ช่วงที่ไปเป็นช่วงเทศกาลหน่อไม้ฝรั่งฮะ ) หน้าตาอาจดูบ้านๆ แต่บอกเลยความอร่อยมันไม่ได้บ้านเลยนะ
จานนี้ซุปหน่อไม้ฝรั่งกับ กับไข่ลวก (ใจอยากจะเรียกไข่ออนเซ็นมว้ากกก) รสชาติไม่ได้ลอง เพื่อนเป็นฝรั่งไม่กล้าขอเขาชิม กลัวเขาด่าเอา
จานหลักเลือกได้ 1 จาน
อันนี้หน้าตาดูไม่ตค่อยสวยเนอะ แต่ มันคือ แก้มวัวตุ่นเสริฟมาพร้อมกับ แมสโพเตโต้ โรยหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิล ถือว่าเป็นเมนูที่ควรสั่งมว้ากกกก เพราะ นอกจากจะอร่อยแล้ว เห็ดทรัฟเฟิลก็ไม่ได้ถูกเลย มีเมนูในเซ็ตลันช์ไม่สั่งถือว่าพลาด กราบบบบบ
และเช่นเดิมของเพื่อน สำหรับคนไม่ทานเนื้อ อย่าถามว่าอร่อยมั้ย เพราะไม่ได้ชิม แหะๆๆ
ขนมหวาน 1 จาน
ขนมหวานพิเศษหน่อย เราสามารถเลือกสั่งจากเมนู หรือจะเลือกรับจากรถเข็นก็ได้ ผมแนะนำว่า ถ้าไป 2 คนก็เลือกจากเมนูสักอัน อีกอันก็ชิมจากรถเข็นก็ได้
จานนี้เป็น สตรอเบอรี่ ไวท์ชอคโกแลต และไอศครีม ฮะ (ไอ้ที่เห็นสตรอเบอรี่เต็มๆลูกนั้นเป็น ไวท์ชอคโกแลต ไส้โยเกิร์ตนะฮะ)
และเช่นเดิมของเพื่อน อดกินเหมือนเดิม ฮือๆๆๆ
ถ้าถามว่าขนาข้างบน อร่อยมั้ย สวยมั้ย คำตอบคือใช่ และถ้าถามว่าน้อยมั้ย คำตอบคือใช่ อีกเช่นกัน ทางออกทีดีที่สุดสำหรับคนไม่เน้นสวย เลือกขนมจากรถเข็นฮะ อันนี้ขึ้นกับว่าใครจะบริหารสเน่ห์ได้มากกว่ากันนะฮะ เพราะธรรมดาจะเสริฟให้จานล่ะ 2 อย่าง ชิ้นขนาดกลางๆ ( แต่เราสามารถต่อรองได้นะครับ ลองดูได้ ว่าใครจะมีวาทะศิลป์ที่ดี มีสเนห์พอที่จะให้น้องพนักงาน ตัดชิ้นใหญ่ หรือแถมเพิ่มอีกชิ้น อิอิ )
หลังจากเลือกแล้วก็จะมาแต่งจานด้วยซอสต่างๆให้ เค้กที่นี่รสไม่หวานมาก ถือว่าโอเคสำหรับผมเลย ( จานในรูปนี่ของผม) ถ้าถามผมๆชอบขนมจากรถเข็นมากกว่านะครับ รู้สึกคุ้มกว่าอ่ะ
จานนี้ของเพื่อน ตกแต่งจานมา สวยเนอะ และที่สำคัญ ไม่ได้ชิมเหมือนเดิมจ๊ะ
จบคลอสไปแล้ว แต่เชิฟก็ยังตอแยไม่เลิก เสริฟมาการองพร้อมชากรือกาแฟ มาให้ ล้างปากกันก่อนครับ กินแล้วอารมณ์ดีดี้ เพราะว่าฟรีอ่ะ 5555555
ปิดท้ายด้วยของฝากเล็กๆน้อยๆจากทางห้องอาหารฮะ ฟรีอีกเช่นกัน น่ารักมากกกก ข้างล่างขายชิ้นล่ะ 50 บาท วันนี้ได้กินฟรีหลายชิ้นฟินเบยยย
สรุปปิดท้ายกันสักนิด
Le Normandie ถ้าถามผมว่าถ้าจะทานอาหารฝรั่งเศสในราคานี่และคุ้มค่าที่สุด ผมก็ยังยืนยันว่าต้องเซ็นลันช์ที่นี่ฮะ คือไม่อยากโม้มาก มาลองเองฮะ แล้วจะรู้ว่า เออ มันคุ้มจริงๆ
ป.ล. หลังจากรีโนเวทแล้ว ห้องอาหารนี้มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง เอาตรงๆนะ รูปแบบการตกแต่งห้องอาหารแทบยไม่เปลี่ยนอะไรไปเลย ผมเชื่อว่าเขาคงอยากคงความเป็น Le Normandie ไว้นะ มีการปรับเปลี่ยนให้ดู สบายๆขึ้น สวยขึ้น ใช้โทนสีที่ดูซอฟลงมา การบริการก็ดูซอฟ สบายๆ ขึ้น การแต่งตัว ยังคงต้องมีเสื้อแจ๊กเก็ต กางเกงขายาว และร้องเท้าหุ้มส้นไปครับ
ป.ล. ราคานี้ยังไม่รวมค่าน้ำ และน้ำเปล่าก็ไม่ได้ถูกนะครับ ขวดนึง 300 บาทเลยนะ (กรี้ดดดดดดดดดด) แนะนำสั่งเป็นน้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้ ราคาจะน่ารักกว่าน้ำเปล่านะฮะ
Author’s Lounge
เป็นอีกห้องอาหารที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จไปเช่นกันฮะ ด้วยบรรยากาศแบบนี้ คงไม่ต้องบอกสิเนอะว่าที่นี่เสริฟอะไรชิมิ ใช่แล้วฮะ ที่นี่เสริฟ Afternoon Tea เป็นหลักฮะ แต่ถ้าใครอยากมาทานเครื่องดื่มร้อนเย็น อย่างเดียว ก็สามารถแวะมานั่งทานได้เช่นกัน ใครจะมาทาน แนะนำให้โทรถามว่าห้องอาหารนี้ปิดหรือเปล่า เพราะธรรมดาปิดบ่อยไปจัดงานแต่งงานประจำ (02) 659 9000
อย่างที่บอกไป ที่นี่ขาย Afternoon Tea เซ็ตเป็นหลัก ราคาก็จะอยู่ที่ 1450++/คน (ราคาเท่ากับเซ็ตลันช์อาหารฝรั่งเศสของ Le Normandie เลย)
Afternoon Tea จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 เซ็ต
1 Thai Set
2 Westren Set
3 vetgำ Set ( อันนี้ไม่แนะนำ เป็นมังสาวิรัติ)
อันนี้เซ็ตไทย สำหรับ 1 คน ( ผมว่าจริงๆแล้ว เราสั่งมาเซ็ตเดียวแล้วสั่งชาเพิ่่มเอาน่าจะได้นะ ไม่น่ามีปัญหา)
ทุกเซ็ตจะเริ่มต้นด้วย ไอติมเชอเบทฮะ
วิธีทาน Afternoon Tea เซ็ตมีดังนี้ ธรรมดามันจะมาเป็น 3 ชั้น เป็นขั้นต่ำ เราต้องทานเรียงลำดับตามนี้ฮะ
- ทานของร้อนหรือ ขนมที่อบใหม่ก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นสโคน (สโคนที่นี่จะเสริฟพร้อมกับแยมกุหลาบ และมะม่วงขิง)
- ทานของคาวก่อน พวกแซนวิช ขนมอบไส้ของคาว ก่อน
- ปิดท้ายด้วยของหวานฮะ
ไฮไลค์ของเซ็ตนี้น่าจะเป็นที่ แซนวิชปู โรตีสายไหม ทาร์ตข้าวเหนียวมะม่วง
อันนี้เป็นเซ็ตเวสเทิร์น 1450++/เซ็ตเหมือนกัน แน่นอน เริ่มต้นด้วย ไอติมเชอเบท
สรุปโดยรวมจากที่ชิมมา ทั้ง 2 เซ็ตของที่นี รสชาติมันจะกลางๆ ขนมเค้กก็ไม่ได้หวานโดดอะไร ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี และขนม(ส่วนใหญ่) หน้าตาสวยงาม โดยรวม ถือว่าอร่อย และทำออกมาได้ดีทีเดียวสำหรับเซ็ตอาฟเตอร์นูนที แต่…..ผมว่าไอเทมมันดูน้อยลงไปจากเมื่อก่อนนะ เมื่อก่อนเซ็ตอาฟเตอร์นูนทีอลังกว่านี้มาก ผมค่อนข้างปลื้มกับเซ็ตนั้นมากกว่า
ป.ล. ปิ่นโตเซ็ตไทย สวยงามเลอค่ามว้ากกกกกกก ช่างสรรหาเหลือเกิน สมเป็นคุณค่าที่โอเรียลเต็ลคู่ควร กราบบบบบบบบ
ส่วนชาที่เสริฟพร้อมกับเซ็ตอาฟเตอร์นูนที ที่นี่เลือกใช้ของ Mariage Frères
Mariage Frères คืออะไร
Mariage Frères คือชาไฮโซ ที่เปรียบได้ดั่ง แอร์เมส ชาแนล ดิออร์ หลุยส์ ในโลกของแฟชั่น นั้นแหละฮะ ถือเป็นชาเกรดโครตตตพรีเมี่ยมจากฝรั่งเศส ที่ทิ้งห่างชาแบรนด์อื่น ๆ ไปหลายช่วงตัว แต่ที่น่าสนใจมากๆๆ คือ เจ้าของชายี่ห้อนี้คือ คนไทยด้วยครับ ชื่อ คุณกิตติชาติ แสงมณี และปีนี้ คุณแม่ Mandarin Oriental, Bangkok ฉลอง 140 ปีด้วยการผสมชา mariage freres กลิ่นพิเศษ ไว้ต้อนรับลูกค้า ชากลิ่นนี้ชื่อว่า Le Grande Dame แปลว่า…หญิงสูงวัยที่เปี่ยมไปด้วยความดีงาม (เขาคงหมายถึงโอเรียลเต็ลนั้นแหละ) ส่วนผสมก็จะมีชาเขียว กลิ่นส้ม 3 ชนิด ส้ม แมนดาริน(จีน) ส้มยูชุ(ญี่ปุ่น) ส้มแทงเจอลีน(เกาหลี) กลิ่นกุหลาบ และกลิ่นมะลิไทย
ป.ล. ส่วนชากลิ่นที่ผมแนะนำให้ ลองชิมดูคือ Marco Polo หอมละมุนชวนฝันมากกก ถือเป็น ซิกเนเจอร์ของ Mariage Frères กันเลยล่ะ