Dusit Thani Maldives

มัลดีฟส์ ลุงว่าชื่อนี้คือสถานที่ในฝันของใครหลายๆคนเนอะ เมื่อก่อน ตอนยังไม่ได้ไป ลุงก็เคยคิดอยู่บ่อยๆนะว่ามัลดีฟส์ มันจะเหมือนพวกเกาะตาชัย เหมือนเกาะห้อง เหมือนเกาะราชา เหมือนเกาะหลีเป๊ะ ของภาคใต้เรามั้ยนะ ลุงเชื่อว่าหลายๆคนก็อยากรู้จุดนี้กันเนอะ

ทะเลภาคใต้เราสวยสู้มัลดีฟส์ได้มั้ย ?

ทะเลเมืองไทยเราสวยติดอับดับโลก แต่อย่าลืม มัลดีฟส์ก็อันดับต้นๆของโลก เช่นกันฮะ ลุงขอสรุปจากสายตาของลุงที่ไปเยือนมัลดีฟส์มา 2 ครั้ง เปรียบเทียบกับทะเลไทยหลายๆที ลุงขอยืนยันว่า….  “มัลดีฟส์ คือ เดสติเนชั่นที่ควรจะต้องไปเท่านั้น สำหรับคนรักทะเล” มัลดีฟส์  ก็คือ มัลดีฟส์ เสน่ห์ของมัลดีฟส์ไม่มีที่ไหนมาแทนกันได้ง่ายๆ  ถ้าจะให้เปรียบเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ถ้าเราเอาเกาะกูดไปเทียบเกาะตาชัย มันก็ไม่มีใครชนะหรอก มันก็สวยทั้งคู่แหละ แต่สวยคนล่ะแบบ ไม่มีที่ไหนมาแทนที่กันได้จริงๆ เพราะฉะนั้น ลุงสรุปว่า….. ของไทยเราก็สวย ของมัลดีฟส์เขาก็เริ่ด ไปมันทั้งคู่นั้นแหละ

ไปมัลดีฟส์ช่วงไหนสวยสุด อันนี้คล้ายกับภูเก็ตบ้านเราฮะ ช่วงพีคจะอยู่เดือน 11-4 ส่วนโลว์จะอยู่ที่เดือน 5-10 แต่มัลดีฟส์เป็นประเทศที่ไม่มีภูเขา เพราะฉะนั้นเวลาฝนมามันจะผ่านไปเร็วมากกกก ถึงจะเป็นช่วงโลว์ที่โรงแรมราคาไม่แพงก็ยังสามารถเที่ยวได้สบายๆ (ถ้าไม่เจอพายุนะ)

ไปมัลดีฟส์ต้องเตรียมอะไรบ้าง ?

-หลักๆเลยคือเงินฮะ มัลดีฟส์เป็นประเทศพิเศษ ไม่เน้นเที่ยว แต่เน้นมาพักผ่อนฮะ ฟีลลิ่งเหมือนเราไปพักผ่อนตามโรงแรมหรูๆสวยๆ เพราะฉะนั้นเงินสำคัญมากกกกก  ค่าเงินของมัลดีฟส์เรียกว่า รูฟียาห์ 1 รูฟียาห์ เท่ากับ 2.15 บาท แต่สำหรับลุงๆว่า US ดอลล่า สำคัญกว่าฮะ เพราะภายในรีสอร์ทต่างๆ ส่วนใหญ่จะคิดเป็น US ดอลล่า ทั้งนั้น แต่ถ้าเราจะนอนค้างที่เมืองหลวง เมเล่ ค่าเงิน รูฟียาห์ ก็คงจำเป็นต้องแลกเช่นกันฮะ

-ตั๋วเรือบิน อย่างที่รู้กัน การจะไปมัลดีฟส์นั้นมีอยู่หลายสายการบินอยู่ ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง เวลาต่างกับเมืองไทยเรา 2 ชั่วโมง ไปมัลดีฟส์ครั้งนี้ลุงเลือกไป บางกอกแอร์เวย์ส ถามว่าตั๋วแพงมั้ย ถ้าไม่มีโปรก็ร้อนๆหนาวๆเอาเรื่องทีเดียว แต่ถ้าโปรมา จะอยู่ที่ไปกลับประมาณ 13000 บาท  ลุงไม่ได้บอกว่าต้องบินกับ บางกอกแอร์เวย์ส  เท่านั้น แต่ถ้าจะเลือกสายการบินก็ลองดู บางกอกแอร์เวย์ส เป็นตัวเลือกด้วย เพราะบางทีราคาก็ไม่หนีกับสายการบินอื่นๆนะ  แถมได้สิทธิประโยชน์มากกว่าด้วย

ป.ล. ถ้าจะนั่งเครื่องมามัลดีฟส์ลุงแนะนำขอที่นั่ง A เท่านั้นฮะ เพราะก่อนแลนด์ดิ้งวิวสวยอลังมากกกกกกกกกกกสุดๆ ไม่แพ้นั่งซีเพลนเลย

ตั๋วเรือบิน  13000 บาท ได้อะไรบ้าง  ?

1 คุณจะได้สิทธิเลือกที่นั่งฟรีและโหลดกระเป๋าฟรี 20 KG คุณจะเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ ยกเว้นบนตักของแอร์ บนตักของกัปตัน และ ที่นั่งที่มีคนจองไปแล้ว

2 เสริฟอาหารร้อนบนเครื่องให้กับแขกทุกท่านฟรี แต่จะมีไม่มีให้เลือกเมนูนะฮะ  

สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการตัวเลือกเพิ่ม แนะนำรีเควสไปก่อนทางออนไลน์จะโอเคกว่า เส้นทางมัลดีฟส์จะมีเมนูให้เลือก 2 เมนูฮะ

3 คุณจะได้สิทธิเข้าห้องรับรองทุกคน ไม่ว่าจะจองตั๋วระดับไหนก็จะมีห้องรับรองให้ใช้บริการ ทั้งขาไปและกลับ (ถ้าสนามบินนั้นๆมีห้องรับรอง) ให้เลือกใช้บริการ 2 แบบ

3.1 เลาจน์สำหรับผู้โดยสารอีโคฯ  ผู้โดยสารชั้นประหยัด จะเป็นห้องรับรองที่เสริฟเฉพาะอาหารว่างแบบบุฟเฟ่ต์เท่านั้น เมนูไม้ตายของฝั่งนี้คือ ข้าวต้มมัดในตำนานฮะ

3.2 เลาจน์สำหรับผู้โดยสาร บูลริบบ้อน ผู้โดยสารระดับนี้ จะเป็นห้องรับรองที่เสริฟอาหารว่างและอาหารจานหลัก แบบบุฟเฟ่ต์ ฮะ เมนูไม้ตายของฝั่งนี้คือ ข้ามต้มบักกุเต๋ในตำนานฮะ

ส่วนขากลับ ทางสนามบินที่มัลดีฟส์ไม่มีเลาจน์ส่วนตัวของบางกอกฯฮะ เพราะสนามบินเล็กมากกกก แต่จะสามารถใช้เลาจน์ร่วมกับสายการบินอื่นได้เฉพาะผู้โดยสาร บูลริบบ้อน เท่านั้น  น่าเสียดายที่ระดับอีโคฯ เข้าไม่ได้

-ถึงเวลาที่เราจะต้องเลือก รีสอร์ทที่พักกันแล้วล่ะ มัลดีฟส์มีเกาะเป็น 1000 เกาะ แล้วจะเลือกยังไงดี หลายๆคนมักเข้าใจว่า มัลดีฟส์มีแต่โรงแรม 5 ดาวเท่านั้น ซึ่งๆจริงๆแล้วคำตอบคือไม่ใช่ 3 ดาวก็มีฮะแต่มัลดีฟส์เป็นประเทศที่ไม่เน้นเที่ยว แต่เน้นเรื่องพักผ่อน คนส่วนมากเลยมักจัดเต็มกับรีสอร์ท 5 ดาวกันเสมอๆ

คนมัลดีฟส์ที่นี่เขาบอกว่า “ถ้าจะเอา ทะเลใส หาดทรายสวย ที่ไหนๆก็มีในมัลดีฟส์  โรงแรมที่นี่เขาแข่งกันเรื่องบริการต่างหากล่ะ “  ก็ว่าตามเขาไปล่ะกันเจ้าถิ่นเขาว่ามาอย่างนั้น งั้นลุงขอพาไปเที่ยว ” Dusit Thani Maldives “ รีสอร์ท 5 ดาว ที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการติดอันดับต้นๆของมัลดีฟส์ล่ะกันเนอะ

การเดินทางในมัลดีฟส์ โรงแรม ที่พัก ที่ใกล้เมืองมาเล่ที่เครื่องบินลงก็จะไม่ต้องนั่งซีเพลนไป นั่งสปี๊ทโบ๊ทไป  ส่วนโรงแรมที่ไกล เมืองมาเล่ ออกไปก็สามารถเดินทางต่อไปได้ 3 วิธี

1 นั่งซีเพลน อันนี้แพงมากฮะ ไปกลับ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 400 US

2 นั่งโดแมสติกไปลงเกาะใกล้ๆ  แล้วต่อสปี้ดโบ๊ทไปกลับจะถูกลงมาจะอยู่ที่ประมาณ 200 US

3 นั่งเรือไป อันนี้ถูกหน่อย ราคาแล้วแต่รีสอร์ทเลย

ในทริปของลุงเลือกไปพักที่ ” Dusit Thani Maldives ” ซึ่งอยู่ในเขต Baa Atoll ซึ่งเป็นเขตสงวนชีวมณฑลขององค์การยูเนสโก ถือเป็นเขตอนุรักษ์พิเศษของมัลดีฟส์ซึ่งมีเพียง 75 เกาะจากทั้งหมด 1192 เกาะ ( ส่วนใน Atoll อื่นๆตอนนี้ ประธานาธิบดีมัลดีฟส์ ประกาศให้ หมู่เกาะมัลดีฟส์ทั้งหมด 1,192 เกาะ ควรจะต้องกลายเป็นเขตอนุรักษ์ทางทะเลในปี 2560  และจะกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้รับการประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ทางทะเล )

วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดที่จะไป ” Dusit Thani Maldives ” คือ ซีเพลนฮะ  ข้อดีคือวิวสวยมากกกกกกก ข้อเสียคือแพงมากกกกกกก  ถ้ามีงบ แนะนำให้นั่งสักขาก็ยังดี เพราะวิวสวยสะกดจริงๆ ถ้าต้องเลือกสักขา ลุงแนะนำเป็นขากลับเนอะ เพราะ มันจะเป็นการเดินทางที่เร็วที่สุดที่เราจะกลับมาต่อเครื่องกลับ กทม สายการบินที่ใช้คือ tma ฮะ เพราะท่าจอดเครื่องอยู่ติดกับเลาจน์ของ ” Dusit Thani Maldives “ เลย แถมเป็นบริษัทใหญ่ ลุงบินมา 6 ครั้งแล้ว ถือว่าโอเคเลย

” Dusit Thani Maldives ” ดียังไง

ถ้าไม่นับเรื่อง หาดทรายสวย ทะเลใสแล้ว ที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องการบริการด้วยหัวใจแห่งความเป็นไทย และ อาหารไทยฮะ ใครที่กลัวว่าไปโรงแรมเมืองนอก อาหารจะไม่อร่อย บริการจะไม่ดี สู้บ้านเราไม่ได้ ( ซึ่งโรงแรมเมืองนอกส่วนใหญ่เป็นเยี่ยงนั้น ยิ่งยุโรปนะ จ่าย 5 ดาว ได้บริการแบบ 3 ดาว อาหารแดกไม่ได้ก็มี) บอกเลยว่าถ้ามาที่นี่ปัญหาเรื่องพวกนี้จะหมดไปทันที

เป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ

เมื่อเครื่องแลนด์ดิ้งลงสู่มัลดีฟด์แล้ว เจ้าหน้าที่ของ ” Dusit Thani Maldives “ จะรอเราอยู่ที่หน้าเกตเลยฮะ เรียกว่าพนักงานแทบจะปรี่เข้ามาหาเราทันทีเมื่อเราออกมา จากนั้นพนักงานจะเช็คชื่อกับเราพาเราไปเช็คอินซีเพลน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็จะพาไปห้องรับรองของโรงแรมเพื่อรอขึ้นเครื่อง อาหารส่วนใหญ่จะเน้นไปที่อาหารว่าง พวกแซนวิช สลัด คุกกี้ ขนมปัง ส่วนเครื่องดื่มค่อนข้างจัดเต็มกว่าอาหาร ฮะ

ป.ล.ตัวห้องรับรองของโรงแรมจะอยู่ติดกับอาคารผู้โดยสารซีเพลนฮะ ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินหลักประมาณ 10 นาที

เมื่อถึงเวลาเดินทาง พนักงานก็จะมากระซิบบอกเราแล้วพาไปเครื่องเครื่องฮะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีด้วยซีเพลนก็จะถึง ” Dusit Thani Maldives ” รีสอร์ทนี้ถือเป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างใหญ่นะฮะ ประกอบไปด้วย 3 ห้องอาหาร 2 บาร์ ห้องพักจะแยกหลักๆได้ 3 ประเภท ซึ่งจะแนะนำในภายหลังนะฮะ

การเดินทางหลักๆภายในรีสอร์ท คือ รถบักกี้ ถ้าไม่อยากรอ ก็จักรยานเลยฮะ มีจัดไว้บริการให้วิลล่าทุกหลังอยู่แล้ว

ลุงขอพาดูบรรยากาศรอบๆรีสอร์ทกันก่อนเนอะว่าเป็นยังไง ใครๆมามัลดีฟส์ก็ต้องการ หาดทรายสวยๆ ทะเลใสๆ แล้วที่นี่ล่ะตอบโจทย์ได้ขนาดไหน ลุงขอตอบด้วยด้วยภาพแทนคำพูดเนอะ

ป.ล.จริงๆก็เป็นอย่างที่คนโลว์คอลเข้าบอกนั้นแหละ รีสอร์ทแทบทั้งหมดในมัลดีฟส์ หายห่วงเรื่อง หาดทรายสวย น้ำใส มันจะต่างกันแค่สวยน้อย สวยมาก เท่านั้นเอง

ส่วนบรรยากาศกลางคืน ค่อนข้างมืดทีเดียว ไฟในรีสอร์ทค่อนข้างน้อย กิจกรรมหลักช่วงกลางคืน แนะนำเรื่องการนอนดูดาว ถ้าไปช่วงจังหวะดีๆอาจได้เห็นแพลงตอนเรื่องแสงตามหาด (ซึ่งลุงก็ไม่ได้เห็น ไม่รู้ช่วงไหนถึงจะมี)

ส่วนกิจกรรมยามเช้าตรู่ก็แนะนำเป็นชมพระอาทิตย์ขึ้นที่บริเวณ เจ็ตตี้ บริเวณ ไดฟ์ เซ็นเตอร์

ห้องอาหาร Market

เอาล่ะครับ หลายๆคนคงอยากรู้กันแล้วเนอะ ว่าอาหารเช้า จะดีจริงสมกับที่ลุงโม้มั้ย อย่างที่บอกไป อาหารเช้าจัดเต็มแบบที่คุณจะต้องตกใจเลย โรงแรมห้าดาวในไทยจัดได้ดีขนาดไหน ที่นี่ไม่น้อยหน้าแน่นอนครับ หลายๆเมนูแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีในอาหารเช้า  ยกตัวอย่างเช่น แกงแดงเนื้อ ปลาเผา แกะย่าง ซาซิมิทูน่า เป็นต้น

ห้องอาหาร Market  จะเปิดบริการอาหารเช้าเวลา 7.00-10.30 น.

ส่วนช่วงค่ำ Market ก็จะเป็นบุฟเฟ่ต์เช่นกัน โดยธีมของอาหารจะเปลี่ยนไปแต่ล่ะวันไม่ซ้ำกัน ราคาก็ตกประมาณ 50-60  US ต่อคนฮะ เปิด 18.30 -22.00 น

ห้องอาหารไทย เบญจรงค์ และ ศาลาบาร์

ห้องอาหารไทยแท้ๆ พนักงานที่นี่แทบทั้งหมดจะเป็นคนไทยเลยฮะ จุดขายของที่นี่นอกจากอาหารไทยที่รสไทยแท้แล้ว ตัวห้องอาหารเองก็ยืนออกไปในทะเล เหมือนห้องโอเชี่ยนวิลล่าฮะ ห้องอาหารจึงเป็นห้องอาหารที่ทำเลดีสุดๆ สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ตกและขึ้นเลยล่ะ

ตามธรรมดาแล้วอาหารไทยเวลาไปอยู่ที่เมืองนอกจะกลายเป็นสิ่งสูงค่าและราคาแพงฮะ อันนี้เจอมาหลายประเทศล่ะซึ่งที่นี่ก็ไม่เว้นฮะ  เวลาสั่งอาหารที่นี่แนะนำให้บอกพนักงานว่าขอรสไทยเลย เพราะ บางที คนต่างชาติมาทานอาหารที่นี่ก็ทานเผ็ดมากไม่ได้ ก็ต้องปรับรสลงมา เห็นน้องๆที่ห้องอาหารรำลื่อกันว่า ห้องอาหารไทยห้องนี้ดังขนาด แขกจากรีสอร์ทอื่นๆในบริเวณใกล้ๆนั้นต้องนั่งเรือข้ามรีสอร์ทมาทานกันเลยฮะ

Sea Grill

ห้องอาหารปิ้งๆย่างๆฮะ มื้อเที่ยงจะเน้นอาหาร กินง่ายๆ สบายๆ อาจเพราะอยยู่ใกล้สระว่ายน้ำหลัก มื้อเย็นจะ หรูขึ้นมาอีกสเต็ป

อาหารมื้อกลางวันก็จะประมาณนี้ฮะ อาหารที่ควรลิ้มลอง คือปลาทูน่านะ เพราะมัลดีฟส์เขาดังเรื่องนี้ คือเป็นสินค้าส่งออกเลยทีเดียว จานนี้สเต็กปลาทูน่า

Sand Bar เป็นห้องอาหารที่ลุงไม่ได้ลองฮะ แต่ลุงชอบบรรยากาศที่ดีกว่า  Sea Grill นะ ดูชิลล์กว่า

บอร์เดอร์เลสไดนิ่ง อาหารมื้อพิเศษที่เราสามารถเลือกได้ ว่าจัดทานที่ไหนตรงไหน ฟีลลิ่งคล้ายโรแมนติกดินเนอร์ฮะ แต่ สามารถจัดได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

ห้องพัก ดีมั้ย  อย่างที่บอกไป ห้องพักของที่นี่จะแยกหลักๆได้ 3 ประเภท

1 บีชวิลล่า เป็นห้องพักที่อยู่ในพื้นที่ของเกาะ แบ่งยิบย่อยลงไปอีก มีพูล ไม่มีพูล 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน  ห้องพักประเภทนี้เป็นห้องพักที่ลุงชอบมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชายหาด

2 ลากูนวิลล่า เป็นห้องพักที่ยื่นลงไปในทะเลนิดหน่อย เป็นห้องพักที่อยู่ใกล้ห้องอาหารเช้า  Market ที่สุด

3 โอเชี่ยนวิลล่า เป็นห้องพักที่ยื่นลงไปในทะเลเลย เป็นห้องพักที่อยู่ใกล้ห้องอาหาร Sea Grill Sand Bar และ สระว่ายน้ำหลักที่สุด

คำถาม โซนไหนวิวสวยสุด โซนไหนปลาและปะการังเยอะสุด

เรื่องวิวนี่เหมือนกันหมดเลยฮะ เพราะเกาะมันราบเรียบ ดูไปตรงไหนก็เป็นทะเลโล่งๆไปหมด ดูจากแผนที่เอาเนอะ แต่ถ้าโซนบีชวิลล่าจะไม่ค่อยได้วิวนะ เพราะต้นไม้บังซะหมด

ส่วนเรื่องปลาและปะการัง  คงไม่มีจุดไหนสู้ โซนโอเชี่ยนวิลล่า ลากไปทาง ห้องอาหารเบญจรงค์ ได้แล้วล่ะ แขกทุกคนสามารถไปว่ายดูปะการังและปลาตรงนั้นได้นะ

คำถาม ควรซื้อแพคเกจไหนดี เยอะจัดหนูงง

  • ห้องพักอย่างดียว อันนี้ก็ตามนี้เลย ไม่มีอาหารและกิจกรรมใดๆมาให้เลย
  • ห้องพักพร้อมอาหารเช้า อันนี้ก็รวมอาหารเช้าให้ 1 มื้อ
  • ห้องพักพร้อมฮาฟบอร์ด อันนี้จะรวมอาหารเช้า + อาหารให้อีก 1 มื้อ (ไม่รวมค่าน้ำมื้อเย็น)
  • ห้องพักพร้อมฟูลบอร์ด อันนี้จะรวมอาหารเช้า + อาหารให้อีก 2 มื้อ (ไม่รวมค่าน้ำมื้อเย็น)
  • ห้องพักพร้อมออลอินครู้ด อันนี้รวมหมด อาหารเช้า + อาหารให้อีก 2 มื้อ + ของว่างระหว่างวัน + กิจกรรมหลายๆอย่าง (แต่เหมือนกิจกรรมพิเศษไม่รวมนะ)

ถ้าเป็นลุงจะแนะนำ ออลอินครู้ด หรือไม่ก็ ฟูลบอร์ด ตัดปัญหากวนใจเรื่อง จ่ายยุบยิบทีหลังฮะ

คำถาม อาหาร น้ำ แพงมั้ย

คำตอบคือแพงฮะ ก็ราคาประมาณโรงแรม 5 ดาวบ้านเรานี่แหละ คิดเป็น US dallar  ค่าน้ำเปล่าขวดล่ะประมาณ 100 บาท อาหารเริ่มต้นที่ 350 บาท

ห้องพักสวยมั้ย ?

เอาตรงๆเลยนะห้องพักที่นี่ไม่ได้สวยหวือหวา แต่เป็น สวยเรียบๆหรูๆ อบอุ่นๆ เหมือนบ้านพักต่างอากาศมากกว่า เรียกว่า สไตล์ดุสิตธานี ก็คงไม่ผิด ช่วงที่ไปห้องแน่นมากกกกก เลยไม่สามารถถ่ายห้องพักแบบอื่นมาให้ชมได้เลย ห้องที่ลุงพักคือห้อง บีชเรซิเดนซ์ 2 ห้องนอน  จริงๆห้องโซนบีชแทบทั้งหมด ห้องแทบจะคล้ายกันหมดนะ ยกตัวอย่าง ห้องบีชวิลล่า ก็จะเหมือนกับ ห้องนอนชั้นล่างของ บีชเรซิเดนซ์ 2 ห้องนอนฮะ

ในเมื่อเป็นห้องโซนบีช จุดขายก็คงหนีไม่พ้นหาดเนอะ เราไปดูหาดกันฮะ ว่าสวยสมกับที่จะเป็นจุดขายได้มั้ย ลุงไม่ตอบเนอะ เพราะภาพมันตอบทุกอย่างอยู่แล้ว

จุดที่ลุงไม่ค่อยปลื้มเลย คือ ต้นไม้เยอะจนบังวิวหมด แต่คนต่างชาติเขาคิดไม่เหมือนเราฮะ เขาเน้นเรื่องความไพรเวทเป็นเรื่องสำคัญสุด

ในห้องจะมีครัวให้ด้วยนะฮะ แต่ไม่ได้ถ่ายมาให้ชม ครัวเล็กๆไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ  ส่วนห้องน้ำค่อนข้างใหญ่โตเอาเรื่อง ห้องสุขามีสายชำระให้ด้วย แบบนี้คนไทยปลื้มมมม

อเมนิตี้ใช้ของแพงเลยเป็นของ Motion Brown จากอเมริกาฮะ

นอกจากนี้ ภายในรีสอร์ทยังมีอีกหลายจุดบริการไว้บริการแขกของโรงแรมด้วยฮะ

ฟิตเนส ที่เปิด 24 ชั่วโมง เสียดายไม่มีวิว วิวไม่สวยเบย

คิดคลับ ที่ค่อนข้างใหญ่โตทีเดียว ในส่วนของคิดคลับลุงชอบโซนกลางแจ้งมากกว่าในห้องนะ มันดูมัลดีฟส์มากๆ 55555

ลอบบี้ ริงๆเอาไว้เช็คอิน เช็คเอาท์ ฮะ ระหว่างอยู่รีสอร์ทยอมรับไม่ค่อยได้เข้าที่นี่เลย

Devarana spa

เป็นแบรนด์สปาของดุสิตธานีทั่วโลกฮะ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะทำที่ไหนทั่วโลกเหมือนกันหมด

คำถาม

ราคาแพงมั้ย โปรโมชั่นมีมั้ย ตอบเลยแพงฮะ ส่วนโปรจะเปลี่ยนไปทุกเดือน ต้องไปถามตอนไปดูฮะว่าเดือนนั้นมีโปรอะไร

นวดดีมั้ย  ตอบเลยดีฮะ ได้ลองนวดมา 15 นาที แทบกราบเลย คนนวดเป็นคนไทยฮะ แกะเส้นเก่งมาก

Dive Center เป็นจุดที่เราสามารถมายืม หน้ากาก ชูชีพ ได้ฟรีฮะ ส่วนกิจกรรมทางน้ำอื่นๆเราก็สามารถมาติดต่อที่นี่ได้เช่นกันฮะ

ป.ล.คุณภาพอุปกรณ์ดีมากกกกกก แทบกราบ ดูชูชีพสิ เคยเห็นที่ไหนใช้แบบนี้บ้างมั้ย

ปิดท้ายด้วยเรื่องบริการจากคนไทย เนื่องด้วยเป็นรีสอร์ทแบรนด์คนไทย จุดขายหลักของที่นี่คือ การบริการด้วยหัวใจแห่งความเป็นไทย แต่คงไม่มีชาติไหนที่จะเข้าใจบริการด้วยหัวใจแห่งความเป็นไทย เท่ากับคนไทยอีกแล้ว ที่นี่เลยมีพนักงานในโรงแรมที่เป็นคนไทยกว่า 40 ชีวิต ไว้คอยต้อนรับแขก ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของรีสอร์ทเราก็จะจะเจอยิ้มสยามพิมพ์ใจได้แบบนี้ เวลาทานอาหารเช้า ก็จะมีพนักงานคนไทยมาดูแลแขกคนไทย ถือเป็นจุดขาย จุดแข็งที่ไม่มีรีสอร์ททีไหนๆในมัลดีฟส์จะเลียนแบบได้จริงๆ

สรุปปิดท้ายกันสักนิด

ข้อดี คือ สุขสบายเหมือนอยู่เมืองไทยเลยฮะ สารภาพอยู่ที่นี่ไม่ได้คิดถึงเมืองไทยเลย ไม่ว่าจะด้วยอาหาร บริการ ห้องพัก ถือว่าดีเยี่ยมสมมาตรฐานโรงแรม 5 ดาวของคนไทยจริงๆ แม้กระทั้งสุขาก็มีสายชำระ ถ้าไม่ไปโดดทะเล เดินหาด ไม่รู้เลยฮะว่าอยู่มัลดีฟส์

ข้อเสีย คือแพง เอาจริงๆคือแพงเรื่องเดียวเท่านั้น  แต่ก็ต้องเข้าใจเนอะ เพราะมันเป็นเกาะ  ของทุกอย่างนำเข้าจากฝั่งหมด และ มันก็ไกลมากกกกก ค่าขนส่งน่าจะแพงเอาเรื่องอยู่ทีเดียว

Leave a Reply