จากความเดิมตอนที่แล้วเราหลงกันอยู่ในนาโกย่ากันนานพอควรเลย ทั้งหลง ทั้งงง เดินวนจนหมดตัว ตัวกลมอ้วนพีกันไปนะ คราวนี้ผมพาเพื่อนๆมาเที่ยวนอกเมืองนาโกย่ากันบ้างดีกว่า บอกเลยว่า รอบๆเมือง นาโกย่า ก็มีอะไรน่าสนใจมากมายไม่แพ้ภูมิภาคอื่นๆกันเลย
ใครมีโอกาสได้มาเยือน นาโกย่าช่วงต้นเมษา ประมาณ วันที่ 1-10 เมษา ผมแนะนำให้เพื่อนๆลองมาเที่ยว อิวาคูระ ดินแดนแห่งซากุระพันต้น ( ไม่มีค่าเข้าชม!!! ) กันฮะ ใครยังไม่ได้ไปหลงกับภาคแรกใน นาโกย่าเชิญฮะ รีวิว ไปเที่ยวนาโกย่ากันเถอะ
อิวาคูระ ดินแดนแห่งซากุระพันต้น เอาจริงๆ อิวาคูระเป็นย่านชานเมืองของนาโกย่าฮะ ถ้าไม่มาช่วงซากุระ ก็ดูเหมือนจะไม่มีมีอะไรจริงๆ
วิธีการเดินทางก็ง่ายมาก ตั้งต้นจาก สถานี Nagoya แล้วนั่งรถไฟสาย Meitetsu ไปทางสถานีอิวาคูระประมาณ 15 นาที ค่าเดินทาง 350 เยน เท่านั้น เรียกได้ว่าใกล้เมืองนาโกย่ามากกกกกกก
ลงที่สถานอิวาคูระ จากนั้นให้ออกด้านขวาของเรานะฮะ จะเจอซุปเปอร์ราคาถูกอยู่ จะตุนเสบียงอะไรก็เอาฮะ คุ้มโครตตรงนี้ ซื้อของฝากเลยก็ได้ ถูกกว่าดองกี้พอควรเลย จากนั้นเปิดแผนทีจากกูลเกิ้งแมพ เดินไปหาคลองฮะ (เอาจริงๆเดินตามคนไปนั้นแหละ) ใช้เวลาเดินประมาณ 6-8 นาทีเท่านั้น
ถ้ามาตอนเช้า คนจะน้อย ถ่ายรูปสวยกว่า ถ้ามาบ่ายๆเย็นๆ จะมีงานวัดขายอาหารด้วยฮะ อันนี้แล้วแต่เลือกเลย แต่ผมแนะนำว่ามาเช้าเถอะ คนเยอะญี่ปุ่นนี่เยอะจริงๆฮะ (อาหารงานวัดอย่าไปคาดหวังกันนะ แนะนำซื้อซุปเปอร์กินดีกว่า ถูกม้ากกกมาก อร่อยด้วย )
อิวาคูระมีอะไร ?
มันก็มีซากุระ 1000 ต้น (จำนวนประมาณเอานะฮะ) ขึ้นอยู่สองข้างคลองในบรรยากาศแบบบ้านๆ ชิลล์ๆในระยะทางประมาณ 2 กม ในช่วงที่ซากุระบานนั้นแหละ เดินไปฮะ วนไปฮะ อล้าอลังไม่แพ้ที่ไหนๆในประเทศญี่ปุ่นแน่นอน ใครอยากพีคกับซากุระ ที่นี่จะเติมเต็มสิ่งนั้นให้กับคุณได้
**** จุดนี้ถือเป็นจุดถ่ายภาพที่ผมแนะนำ ที่จะต้องถ่าย ห้ามพลาด อยากได้ภาพแบบไม่มีคนมาเช้าเท่านั้นฮะ อย่าถามว่าอยู่ตรงไหน ผมก็บอกพิกัดแน่นอนไม่ได้ เดินๆไปเดี๋ยวก็เจอฮะ มันเป็นสะพานข้ามคลอง
จังหวัด Mie เมืองใกล้ๆ นาโกย่า มีอะไรน่าสนใจกันบ้างน้อ มาดูกันดีกว่า
Nabana no Sato : Winter Illumination การแสดงไฟในฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชูบุ
การแสดงไฟในฤดูหนาว นี้จะถูกจัดขึ้นที่เมือง Kuwana จังหวัด Mie ซึ่งอยู่ติดกับ Nagoya ทุกปี งานแสดงไฟนี้เป็นส่วนหนึ่งของธีมปาร์คางาชิมะสปาแลนด์ ผมเชื่อว่า คนไทยเรา ( รวมถึงคนญี่ปุ่นด้วย) ค่อนข้างเป็นปลื้มกับการชมแสงสีไฟยามค่ำคืนกันอย่างแน่นอน Nabana no sato แห่งนี้นอกจากจะมีการแสดงไฟแล้ว ในช่วงกลางวันยังสามารถชมความสวยงามของทุ่งดอกไม้ได้ด้วย แต่ไฮไลท์จริงๆน่าจะเป็นช่วงค่ำๆที่เป็นงานประดับไฟซะมากกว่า ใช้เวลาเดินชมประมาณ 30 -45 นาที เรียกว่าเป็นงานจัดแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่นก็ว่าได้ ในปีนี้งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2016 – 7 พฤษภาคม 2017
วิธีการเดินทาง เรามาเริ่มจาก สถานี Nagoya (อีกแล้ว) แล้วนั่งรถบัส Meitetsu มาสถานที่จัดงานได้เลย ต่อเดียวถึง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที (บัสออกทุกๆ 20-30 นาที 870 เยน)
ถ้าไม่นั่งรถบัสไปเลยก็ต้องนั่งรถไฟ ไปลงที่สถานี Kawana แล้วก็ต่อรถบัสไปลงที่งานอีกทีฮะ
ค่าเข้าชม 2,100 เยน (รวมค่าคูปองใช้ภายในงาน มูลค่า 1,000 เยน)
เวลาที่เปิดให้เข้าชม 9.00-21.00 น.ในวันธรรมดา และถึง 22.00 น. ในวันหยุด
**** ไม่แนะนำให้ไปวันหยุดนะฮะ คนล้านแปดมากกกกกก ไปวันธรรมดาเถอะ พระทิตย์ตกแล้วค่อยไปก็ได้ นั่งรถไม่ไกลฮะ
อาหารที่นี่ราคาไม่แพงนะฮะ อันนี้สเต็กในร้านอาหารราคาประมาณ 1600 เยน ฮะ ชิ้นใหญ่มากกกกกก ทานกัน 2 คนได้เลยทีเดียว รสชาติก็โอเคด้วย
Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima ( มิตซุยพาร์คแจ๊สดรีมนางาชิมะเอ้าท์เล็ตช้อปปิ้งมอลล์ )
มิตซุยพาร์คแจ๊สดรีมนางาชิมะเอ้าท์เล็ตช้อปปิ้งมอลล์ (Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima) เป็นห้างเอาท์เล็ทขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่เมือง Kuwana จังหวัด Mie อยู่ติดกับ Nagoya ซึ่งเอาท์เล็ทนี้เป็นส่วนหนึ่งของสวนสนุกนางาชิมะสปาแลนด์ (Nagashima Spaland) ( Nabana no sato จะรวมอยู่ในสวนสนุกนี้ด้วยแต่ อยู่ถัดจากจุดนี้ออกไป 15 นาทีจากที่นี่ ) ภายในมีร้านค้ากว่า 240 ร้าน ซึ่งเขาเคลมว่าเป็นเอาท์เล็ทที่มีร้านค้าเยอะที่สุดในประเทศ จริงหรือโม้ก็ไม่รู้ มีทั้งแบรนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีทั้ง ร้านเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา และอื่นๆอีกมากมาย
วิธีการเดินทาง เรามาเริ่มจาก สถานี Nagoya แล้วนั่งรถบัส Meitetsu ที่มา Nabana no sato แต่เราจะเลือกลงที่สถานี Nagashima Onsen (ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ค่าเดินทาง 1,030 เยน)
ป.ล. เราสามารถแวะช้อปปิ้งที่นี่ก่อนได้ที่จะไปชมการแสงไฟ ที่ Nabana no sato ได้นะฮะ
จังหวัด กิฟุ ถือเป็นอีกเมืองที่ คนไทยเราชอบไปกันมากๆๆ คนไทยเรารู้จักเมืองนี้ผ่านเมือง ชิราคาวาโกะ และ ทาคายาม่า
ถ้านาโกย่าเปรียบได้กับนางเอกสาว สวย จากเมืองกรุง ที่มีความทันสมัย น่าหลงไหลแล้ว จังหวัด กิฟุ สำหรับผมจะเปรียบได้กับพระเอกหนุ่มหล่อบ้านนา ทีมีดีไม่แพ้สาวสวยเมืองกรุงเชียวล่ะ
เมืองแห่งกำแพงสีขาวและปลาคราฟสีทอง ฮิดะ ฟุรุคาวะ
ถ้าจะให้นับกันจริงๆเมืองนี้ถือเป็นเมืองบ้านนอก เมืองผ่านก็คงไม่ผิด หลายๆคนอาจยังไม่เคยไปเมืองนี้กัน จริงๆแล้วเมืองนี้ผมถือเป็นเมืองที่ไปคู่พร้อมกับ เมือง ทาคายาม่าก็คงจะไม่ผิด เพราะเป็นเมืองที่ห่างกันเพียง 15 นาทีเท่านั้น สำหรับคนที่นั่งรถไฟไปเมือง ทาคาย่า
วิธีการเดินทางมาเมืองฮิดะ ฟุรุคาว่า ไม่ยากฮะ นั่งรถไฟต่อเดียว เริ่มจาก นาโกย่า สเตชั่น ( อีกแล้ว ) นั่งรถไฟ ขบวนด่วนพิเศษ JR Hida3 เพื่อมายังเมือง ทาคายาม่า แต่เราจะยังไม่ลงฮะ ให้นั่งต่อไปอีกป้าย เพื่อมายังเมืองนี้ แล้วค่อยย้อนกลับมาเที่ยวที่เมือง ทาคายาม่า หรือจะแวะเมืองทาคายาม่าก่อน แล้วค่อยนั่งรถไฟต่อมาฮิดะฟุราคาว่าก็ได้ ( ราคา 6030 เยน) ระหว่างที่เรานั่งรถไฟมาเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งไม่อยากให้แอบงีบกันนะ เพราะวิวข้างทางสวยมากกกกกกกกกกก ก่อนจะมาถึงเมืองทาคาย่าม่านั้น จะมี สถานีรถไฟนึงที่ชื่อ Gero Station ใครชอบ แช่ออนเซ็นเมืองนี้ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของภูมิภาคชุบุนี้ทีเดียวครับ (เอาจริงๆถือเป็นเมืองออนเซ็น ติดอันดับต้นๆ ระดับประเทศทีเดียวฮะ มีชื่อเสียงมากจริงๆในเรื่องออนเซ็น )
ฮิดะ ฟุรุคาวะ เป็นยังไง
เอาตรงๆ เมืองบ้านนอกมากกกก หลายๆอย่าง หลายๆจุด ดูเงียบสงบมากกกกก สงบเกินไปด้วยซ้ำ ย่านเมืองเก่าให้ฟีลลิ่ง ทาคายาม่าอยู่ประมาณนึง ทาคาย่าจะเป็นสีดำหมด แต่ที่นี่จะเป็น กำแพงสีขาวประกอบกับไม้ มีสเน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ใช้เวลาเที่ยวที่นี่ไม่น่าเกิน 1 ชั่วโมง ที่เที่ยวหลักๆคือย่านเมืองเก่า ที่มีการเลี้ยงปลาคราฟในทางระบายน้ำ แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจในเรื่องการดูแลน้ำของคนญี่ปุ่น จริงๆ “ขนาดทางระบายน้ำ ก็ยัง สะอาดจนเลี้ยงปลาคราฟได้” ถามจริงๆว่าสะอาดมั้ย คำตอบคือ สะอาดมากจริงๆฮะ เหลือเชื่อมีเดียว เรื่องการท่องเที่ยว อาจดูไม่ค่อยมีอะไรเยอะ แต่ที่นี่ผมถือเป็นเมืองที่มีจุดถ่ายรูปสวยๆไม่น้อยทีเดียว ถ้าไม่รีบไปทาคายาม่าแนะว่าไม่ควรพลาดที่จะแวะที่นี่ฮะ
จากสถานี เราเดินมายังโซนเมืองเก่าเพียง 10 นาทีเท่านั้น นอกจากโซนเมืองเก่าแล้ว รอบๆเมืองก็มีวิวที่สวยงามทีเดียว ช่วงซากุระบานถือเป็นช่วงที่มาเยือนเมืองนี้ฮะ
ทาคาย่า เมืองโบราณของจริงที่ยังมีชีวิตอยู่
เมืองทาคายาม่า เมืองเล็กๆ ที่มีสเน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ จนหลายๆคนขนานนามให้ที่นี่ว่า “ลิตเติ้ลเกียวโต (Little Kyoto)” ที่นี่ถือเป็นเมืองที่รวมช่างไม้ช่างฝีมือของญี่ปุ่นก็ว่าได้ (เราจะสังเกตได้ว่าที่นี่จะมีขายงานไม้อยู่มากมาย) ซันมาชิซูจิ คือย่านการค้าของเมืองเก่าที่เป็นหน้าเป็นตาของเมืองทาคายาม่า ฟีลลิ่งเหมือนย้อนเวลากลับไปในสมัยเอโดะเมือ 300 ปีก่อนทีเดียว ถือเป็นเมืองโบราณของจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ กลิ่นอายของวัฒนธรรมอันเก่าแก่และมีมนต์ขลัง ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้เมืองแห่งนี้ มีสเน่ห์จนยากที่ใครจะปฏิเสธทีเดียวครับ เอาตรงๆ เท่าที่ผมไปมาในญี่ปุ่น ผมว่าที่นี่ สวยและมีสเนห์ไม่แพ้ เกียวโต เลยจริงๆฮะ หลักๆนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ ย่านการค้าเก่าแก่ ซันมาชิซูจิ
ตุ๊กตาซารุโบโบะ แห่งเมืองทาคายาม่า ถือเป็นทั้งของที่ระลึก ที่อวยพรให้ในเรื่องโชคดี มีความสุข และ สุขภาพดี ถือเป็นของฝากที่ไม่ควรพลาดกันนะ
อาหารการกินที่เป็นไม้ตายของเมืองนี้ คือเนื้อวัวลายหินอ่อน นุ่มลิ้นละลายในปาก ที่ชื่อ ฮิดะกิว ของจังหวัดกิฟุ นี่แหละ ถือเป็น 1 ใน 5 เนื้อวัวเทพของญี่ปุ่น ใครมาเมืองนี้แล้วต้องลองเท่านั้นฮะ ถ้าทานที่นี่ราคาจะถูกกว่าในเมืองนาโกย่าอยู่นะ เห็นแบบมีเสีบไม้ย่าง 500 เยนด้วย ถูกแท้ พูดแล้วก็น้ำลายไหล
1 ใน 5 เนื้อวัวเทพของญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง “เนื้อฮิดะ” “เนื้อมัตสึซากะ” “เนื้อโกเบ” “เนื้อโอมิ” “เนื้อวากิวนางาซากิ”
ส่วนใครที่ต้องการไปเที่ยว ชิราคาวาโกะ หมูบ้านชาวนาโบราณ สามารถนั่งรถบัสต่อไปได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม เท่านั้น ทุกวันนี้บอกตรงๆผมก็ยังไม่มีปัญญาไปถึงที่นี่สักที คงมีสักวันที่ผมได้ไปเยือนที่นี่จริงๆสักครั้ง
ป.ล. ขอบคุณภาพจาก Neju Photo
Gamagori เดินทางผจญภัยไปกับโจรสลัดหมวกฟางกันเถอะ
เหมือนเดิมฮะ เราตั้งต้นกันจากนาโกย่ากันก่อนเนอะ จากสถานีนาโกย่าสเตชั่น ไปสถานีกามาโกริ สามารถนั่งรถไฟต่อเดียวได้เลยฮะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยนั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Main Line ที่จะไปยัง Toyohashi
จริงๆแล้ว กามาโกริค่อนข้างมีที่เที่ยวหลายรูปแบบนะฮะ แต่ที่ ผมว่าน่าจะถูกจริตคนไทยมากที่สุดน่าจะเป็นสวนสนุก LAGUNA TEN BOSCH ( เจ้าของเดียวกับฮุยเทนบอสที่นางาซากิ) ฮะ เพราะที่นี่จะเป็นสวนสนุกแบบครบวงจร มีทั้งห้างชอปปิ้งมอล แหล่งรวมร้านอาหารของอร่อย สวนสนุก สวนน้ำ โรงแรม สปา เรียกว่าเอาให้ครบ
การเดินทางจะมาที่นี่นั้นไม่ยากฮะ ขอให้ถ่อมาถึง สถานีกามาโกริ จากนั้นก็ต่อ Free Shuttle Bus ของ LAGUNA TEN BOSCH มาลงที่สวนสนุกได้เลย ที่นี่ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ไฮไลท์สำหรับผมก็คงหนีไม่พ้น เรือ ทาวซันซันนี่ ที่จะจอดอยู่มารบริเวณอ่าวฮะ ไปทางห้างนั้นแหละฮะ ภายในเรือก็คือเหมือนเรือทาวซันซันนี่ทุกอย่างแต่ย่อขนาดลงมา ภายในเรือก็จะเป็นมิวเซียมขนาดเล็กของพวกลูฟี่ด้วย ถามว่าเรือแล่นออกไปมั้ย คำตอบคือแล่นออกไปฮะ วันที่อากาศดีๆ น่าจะได้ฟีล ออกเรือกับโจรสลัดหมวกฟางเลยล่ะ
ภายในสวนสนุกผมมีโอกาสได้ไป สองช่วงคือช่วงหน้าหนาว ทาง สวนสนุกจะจัดเต็มเรื่องไฟประดับฮะ ทางญี่ปุ่นเรียก อิลูมิเนชั่น เป็นการแสดงไฟในฤดูหนาว
ส่วนในช่วงฤดูร้อน ทางญี่ปุ่นเขาจะเปลี่ยนการใจเต็มเรื่องไฟประดับประดา มาเป็น ดอกไม้ไฟแทนฮะ ช่วงหน้าร้อน ญี่ปุ่นเขาจะมีเทศกาลดูดอกไฟกันฮะ ชื่อเทศกาล ฮานาบิ
ส่วนที่ไปทุกฤดูก็จะเจอคือการแสดงไฟที่จุดนี้นี้เวลา 1 ทุ่มเป็นการแสดงไฟ แบบ 3D ฮะ
การแสดงก็จะเป็นประมาณนี้ฮะ
ในส่วนของห้างก็ไม่ได้เล็กนะฮะ ใหญ่โตพอประมาณ ชอปปิ้งสนุกพอดู ของไม่แพงฮะ
นอกจากสวนสนุกแล้ว เมืองกามาโกริ ก็มีสวนผลไม้ฮะ ผลไม้ขึ้นชื่อของเมือง กามาโกริคือส้มฮะ คนที่นั้นเขาโม้ว่าถ้าได้กินน้ำส้มของที่นี่ หนึ่งแก้วอายุจะยืนขึ้นหนึ่งปี (ขี้โม้มากกกก) ถึงสวนแห่งนี้จะปลูกส้มเป็นหลักแต่ก็มีผลไม้อย่างอื่นให้เก็บกันด้วยนะฮะ มีทั้ง สตรอเบอรี่ (ม.ค.-พ.ค) องุ่นและเมล่อนฮะ (ก.ค.-ก.ย.) ค่าใช้จ่ายในการเก็บผลไม้แต่ล่ะอย่างราคาก็จะต่างกันออกไป แต่ราคาเริ่มต้นประมาณ 1000-1200 เยน
วิธีการเดินทาง ไปสวนส้ม สวนผลไม้ กามาโกริ ( กามาโกริ ออเรนจ์ พาร์ค) จะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟกามาโกริไปประมาณ 4 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีด้วยรถแท็กซี่เท่านั้น ค่าแท็กซี่เฉลี่ยประมาณ 1,000-1,500 เยน
เกาะ Take-Shima และศาลเจ้า Yaotomi ถือเป็นอีก 1 สถานที่ๆควรไปเที่ยว เพราะ อะไรนะเหรอ เหตุผลง่ายเลย
- มันอยู่ใกล้ สถานีรถไฟกามาโกริเลยฮะ ไปง่าย ไม่ลำบาก เดินประมาณ 10 นาทีเท่านั้น
- มันฟรีฮะ ถือว่าไหนๆก็มาแล้ว ก็แวะเที่ยวไป ยังไงก็อยู่แถวสถานีรถไฟ
- มันคือแลนด์มาร์คของเมืองกามาโกริ ฮะ
ช่วงประมาณเดือน 11 มีนกนางนวลเยอะมากกกก เพื่อนๆสามารถมาให้อาหารนกนางนวลที่นี่ได้นะฮะ
พิพิธภัณฑ์ทาเคชิมะแฟนตาซี (พิพิธภัณฑ์ เปลือกหอย)
เอาจริงผมว่าไม่ค่อยมีอะไรนะฮะ ที่นี่เหมาะกับเด็กซะมากกว่า ใครมาแบบครอบครัวน่าจะชอบกัน จุดที่ว้าววววว มีจุดเดียวคืออุโมงค์เปลือกหอยสีรุ้ง อันนี้สวยจริงน่ามาถ่ายภาพฮะ แต่มีค่าเข้านะฮะ ข้อดีของมันคือ อยู่ใกล้เกาะทาเคชิมะ และ สถานีรถไฟ กามาโกริ
ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 500 เยน(นักเรียนชั้นประถม・มัธยมต้น), เด็กเล็ก (3 ขวบขึ้นไป)300 เยน
เวลาเปิดบริการ (สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ก่อนปิดให้บริการอีกหนึ่งชั่วโมงสุดท้าย) เดือนมีนาคม-ตุลาคม 09:00 – 17: 00 น., เดือนกรกฏาคมถึงสิงหาคม 9:00-17:30 น., เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 09:00 -16:30 น.
ปิดให้บริการ วันพุธ
ส่วนเรื่องอาหาร การท่องเที่ยวกามาโกริแนะนำ
ปิดท้ายเมืองกามาโกริ ด้วย โรงแรมที่ผมพัก ชื่อ Meizanso Ryokan ฮะ ราคาห้องก็เอาเรื่องอยู่ เป็นโรงแรมที่เปิดมานานล่ะ แต่ก็เพิ่งรีโนเวทไป ห้องโซนใหม่ที่เพิ่งรีโนเวท ไฮโซ 5 ดาวมากฮะ แถมวิวจากโรงแรมก็สวยมากกกกจริงๆ อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ไปญี่ปุ่นมาหลายโรงแรม ผมว่าอาหารเช้าที่นี่ ถือว่าดีงามเลยนะ อาหารที่ต้องลองคือ ซุปหอยอาซาริ หอยอาซาริถือเป็นของขึ้นชื่อบริเวรนี้ฮะ ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม กดตามลิงค์ไปฮะ ลิงค์ของโรงแรมภาษาไทยฮะ Meizonso Ryokan
เมืองแห่งสายน้ำและขุนเขา กูโจฮาชิมัง
ด้วยความทีเมืองนี้อยู่ไกลประมาณนึง เรียกว่ามาไม่ง่ายนัก นั่งรถไฟ 2 ต่อฮะ จากสถานีนาโกย่ามา มาลงที่สถานี Mino Ota แล้วต่อรถไฟสาย โลคอลมาอีกที ( มาชั่วโมงล่ะคันมังถ้าจำไม่ผิด)
เมือง กูโช ฮาชิมัง ถือเป็นเมืองบ้านนอกก็คงไม่ผิดอะไร ทุกอย่างของเมืองยังดำเนินชีวิตกันแบบสโลว์ไลฟ์อยู่ ธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ ไกลจากเมืองหลวงมากมาย วัฒนธรรมความเป็นอยู่ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกกลืนไปมากมายนัก เมือง กูโช ฮาชิมัง แห่งนี้นี้ถูกขนานนามว่าเมืองแห่งสายน้ำ (เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความสะอาดของน้ำเมืองนึงของภูมิภาคนี้) และขุนเขา ( ด้วยความที่มีภูเขาโอบล้อมมากมาย ) ใครที่ชอบรักธรรมชาติจ๋าๆ ไฝ่หาวิถีฮิปเตอร์เมืองนี้น่าจะตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน
กลางหมู่บ้านจะมีศาลเทพเจ้าแห่งน้ำอยู่ครับ ชาวเมืองเชื่อกันว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากเทพเจ้าบนภูเขาส่งมาครับ โดยจะแบ่งเป็นหลายๆบ่อ บ่อที่ใกล้กับศาลถือว่าบริสุทธิมากสามารถนำไปใช้ดื่มใช้กินได้ฮะ
ภายตัวเมืองมีความเจริญอยู่นะฮะ ไม่ได้บ้านนอกจนไม่มีอะไร ตัวเมืองไม่ใหญ่มาก สามารถเดินเล่นได้ ภายในเวลา 1 ชั่วโมง จุดขายหลักคือ ทางระบายน้ำที่ใสสะอาดจนเลี้ยงปลาคราฟได้ฮะ
จุดขายหลักอีกอย่างของเมืองคือ เทศกาลกูโจโดริ ในช่วงเดือน 7 ถือเป็นงานเทศกาล แดนซ์ข้ามคืน ที่มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่นฮะ คนญี่ปุ่นมาเที่ยวเยอะมากกกกก บริเวณตรงกลางหมูบ้านจะมี พิพิธภัณฑ์ เกี่ยวกับ งานเทศกาลนี้อยู่ สามารถไปเรียนเต้นรำสไตล์เมืองกูโจฮาชิมังได้ฮะ
ส่วนกิจกรรมที่ขายดี๊ขายดีประจำเมือง คือการทำอาหารจำลองจากเทียนฮะ เมืองนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องนี้ซึ่งเราก็สามารถไปลองทำได้ด้วยนะฮะ มีครูสอนให้ ค่าทำก็ตกประมาณ 1300 เยน สำหรับทำเทมปุระ
ส่วนบริเวณรอบนอกเมือง ก็จะเป็นธรรมชาติที่สวยงามฮะ ลำธารและภูเขาคือคำตอบสำหรับคนรักธรรมชาติแนวนี้ แต่การเดินทางอาจจำเป็นต้องมีรถยนต์ส่วนตัวครับ รถสาธารณะเรียกว่าแทบไม่มีเลย
ยิ่งขับขึ้นไปบนเขาห่างจากเมือง กูโจฮาชิมัง ไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็ยังมีที่เที่ยวสวยๆมากมาย อย่างเช่นสวนดอกไม้สวยๆที่ชื่อ Bokka no Sato มีทุ่งลาเวนเดอร์ด้วยฮะ ไม่จำเป็นต้องไปถึง ฮอกไกโดแล้ว (ผมไปในช่วงเดือน 7) บอกเลยว่าที่นี่สวยมากกกกกก มากจริงๆ แต่ผมมีเวลาเดินก่อนปิดเพียงแค่ 30 นาที จึงเก็บภาพมาได้นิดหน่อยเท่านั้น ( ในช่วงหน้าหนาว ที่นี่ก็จะกลายเป็นลานสกีฮะ ) ( มีค่าใช้จ่ายในการเข้าเช่นกัน )
ไม่ห่างจากสวน Bokka no Sato ก็จะมีหุบเขาคนโฉด เอ้ยย!!! หุบเขาดอกลิลลี่ป่าอยู่ด้วย ทั้งหุบเขามีดอกลิลี่ป่าขึ้นอยู่เป็นแสนดอกเลย ( ในช่วงหน้าหนาว ที่นี่ก็จะกลายเป็นลานสกีเช่นเดียวกัน ) ที่นี่ชื่อ DynaLand Yuri-en (เสียค่าเข้านะฮะ)
นอกจากนี้ยังมีสวนทุ่งโกเกีย กับกิจกรรมซิบไลน์ อีกด้วย เป็นสวนที่อยู่ไม่ห่างจาก หุบเขาดอกลิลลี่ฮะ ชื่อ hiruka no kokia park (ช่วงหน้าหนาวก็จะกลายเป็นกิจกรรมลานสกีอีกเช่นกัน) (มีค่าใช้จ่ายในการเข้าเหมือนกัน)
สุดยอดมากค่ะ