Siam Kempinski Bangkok


การ ที่เราเลือกไปพักผ่อนที่ใดสักทีนึง จำเป็นด้วยเหรอ ที่จะต้องเดินทางไปไหนไกลๆ เสียเวลาเดินทางเป็นวันๆ หมดค่าใช้ใช้จ่ายมากมายไปกับค่าเดินทาง การพักผ่อนที่นี่ทำให้ผมรู้ว่าไม่จำเป็นเลยที่เราต้องเดินทางไปไหนไกลๆ บางทีที่ใกล้ๆ อย่างในกรุงเทพฯ ก็เติมเต็มความสุข สำหรับการพักผ่อนได้แล้วจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองมาพิสูจน์ที่นี่ด้วยตัวเองกันครับเรื่อ ทำเลที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้ จะมีที่ไหนดีกว่านี้มั้ยครับ ใจกลางย่านสยามสแควร์เลย เพียงแค่ 1 นาที สำหรับการเดินข้ามไปเดินลั้นลาที่สยามพารากอนครับ จะเอาอะไรล่ะ สารพันบันเทิง สารพันของกิน สารพันแหล่งชอปปิ้งที่เรียกว่าผนึกไปกับโรงแรมเลยก็ว่าได้

คอน เซ็บของโรงแรมที่นี่ จะแตกต่างจากโรงแรมในกรุงเทพทั่วไป เพราะที่นี่จะเน้นจุดขายว่าเป็นโรงแรมสไตล์รีสอร์ทในเมืองกรุง โดยโรงแรมประเภทรีสอร์ทในกรุงเทพจะมีอยู่ไม่กี่แห่งเองครับ ส่วนใหญ่จะเป็นซิตี้โฮเทลกันหมด

ลอบบี้ที่นี่เน้น ความโอ่โท่ง อลังการ แบบที่เรียกว่าสุดๆกันเลยล่ะ ข่าววงในที่ได้ยินมามา คือที่นี่ได้รับการตกแต่งด้วยกรมศิลป์กันเลยล่ะครับ จึงทำให้โรงแรมนี้หรูหรา ไฮโซ ประหนึง เหมือนราชวังสักราชวังนึง ไม่มีคำบรรยายสำหรับจุดนี้ให้ภาพบรรยายทุกอย่างกันนะไปนะครับ

“เลดี้อินเรด” คือตัวแทนของโรงแรมแห่งนี้ ที่จะคอยช่วยเหลือแขกทุกคน ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโรงแรมนี้เลยล่ะครับ เธอเปรียบเหมือนสารานุกรมเดินได้ของสยามเคมปินสกี้ก็ว่าได้ ใครต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ มองหาเธอได้ที่ลอบบี้แห่งนี้แหละครับ

หนุมานบาร์ คือ ลอบบี้บาร์ของลอบบี้นี้ เมื่อก่อนบาร์แห่งนี้จะอยู่ที่ห้องน้ำชาทีเล้าจน์ แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนมาไว้ที่ลอบบี้นี้แทน ใครชอบนั่งดื่มชิลล์ๆบรรยากาศคึกคักของลอบบี้คงต้องมาลองที่นี่ดูกันสัก ครั้ง

ยูโรปา บาซิรี่ ห้องอาหารบุฟเฟ่หลักของที่นี่ ใครอยากมาทานบุฟเฟ่ที่โรงแรมนี้ต้องที่ห้องอาหารนี้เท่านั้นครับ บรรยากาศสไตล์ไทยประยุกต์ ทำให้ห้องอาหารนี้สวยมีสเน่ห์อย่างน่าประหลาด

บุ ฟเฟ่อาหารเช้าของที่นี่ ถือว่าจัดเต็มไม่แพ้ที่ไหนๆ เรียกว่า ใครที่ชอบเพลิดเพลินมีความสุขกับอาหารมื้อเช้า รับรองต้องชอบที่ห้องอาหารนี้แน่นอนครับ


ห้องอาหาร สระบัว ถือเป็นห้องอาหารซิกเนเจอร์ของที่นี่ เพราะที่ โรงแรมแห่งนี้ใช้ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์เผื่อระลึกถึงอดีตว่าณ.ที่จุดนี้ในสมัย โบราณเป็นบึงบัวของวังสระปทุมทางโรงแรมจึงเลือกใช้ให้ทุกจุดของโรงแรมมีดอก บัวประกอบไปด้วยเสมอ

อาหาร ของที่นี่เน้น ความเป็นอาหารไทยฟิวชั่น ที่เสริฟมาได้ค่อนข้างว้าวทีเดียว คอนเซ็บของที่นี่คืออาหารไทย ฝีมือ เชฟมิชลินสตาร์ กับ การจัดจานอาหารที่ต้องทำให้คุณต้องร้องว้าววว กันเลยทีเดียว

นิช ห้องอาหารน้องใหม่ล่าสุดของโรงแรมแห่งนี้ เมื่อก่อนที่นี่คือห้องน้ำชาและบาร์ทีเลาจน์ แต่เมือ่บาร์ได้ถูกย้ายไปไว้ที่ลอบบี้แล้วที่ห้องอาหารนี้จึงถูกปรับเปลี่ยน ให้เป็นห้องอาหารที่เน้นบรรยากาศสบายๆ คอนเซ็ปของห้องอาหารนี้คือ ความง่ายๆสบายๆในราคาที่จับต้องได้ ครับ

ภาพจาก ทีเลาจน์ ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอาหารนิช

exclusive lounge พื้นที่ไพรเวทกับแขกคนพิเศษของโรงแรม ตั้งแต่เร่ร่อน ตามโรงแรมต่างๆมา ผมว่ามื้อเย็นของ exclusive lounge ที่นี่อลังการที่สุดในโลกหล้า โรงแรมอื่นเสริฟ คานาเป้ไม่พร่องก็บุญแล้ว แต่ที่นี่จัดเต็มเสริฟเป็นมินิบุฟเฟ่กันเลยล่ะครับ อาหารไทย ฝรั่ง เบเกอรี เพรสตี้ คอกเทล จัดครบ จัดเต็มเลยล่ะครับ

เราไปดูพื้นที่ส่วนกลางของรีสอร์ทกันบ้างดีกว่า

พื้นที่ส่วนกลางของรีสอร์ทถูกอัดแน่นไปด้วยสระว่ายน้ำถึง สี่สระด้วยกัน เรียกว่าว่ายกันจุใจไปเลยครับ ใครอยากเล่นสระไหน

ที่สระจะมีเสริฟน้ำดื่มและผลไม้ให้ฟรีด้วยครับ

พูลบาร์ของที่นี่ชื่อ ราทุนด้า ใครอยากหาอะไรชุ่มคอ แบบไม่ฟรีก็เชิญที่นี่ครับ

ฟิต เนสจะอยู่ชั้นที่บนสุด ของตึกฝั่งห้องอาหารสระบัว วิวอาจไม่ได้อะไรสักเท่าไหร่ แต่อุปกรณ์ครบครัน พร้อมซาวน่า สตรีม และอ่างจากุซชี่

ใน ส่วนของห้องพัก ระดับเริ่มต้นในฝั่งของโรงแรมที่นี่ ก็เรียกว่าสวย เย็นสบายตา และหรูหรามาก สมกับที่ใครๆว่ากันว่าเป็นโรงแรม  6 ดาว กันแหละครับ

ส่วน ใครชอบห้องพักสไตล์เรียบหรู ให้ฟีลลิ่งสไตล์เรสซิเดนท์  ที่นี่ก็มีห้องพักสไตล์เรสซิเดนท์ให้เลือกเข้าพักกันด้วย ครับ แต่ผมแอบชอบ ห้องทางฝั่งโรงแรมมากกว่านะ อิอิ

ส่วน หองพักในระดับสูงๆขึ้นขึ้นไปก็ดูหรูหรา ไฮโซไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องที่แพงที่สุดคือห้อง รอยัลสวีท ห้องนี้เรียกว่าแทบเหมาชั้นกันเลย มีทุกอย่างที่ความหรูหราจะมีได้ ทั้งห้องอาหาร ห้องนอนหลายห้อง ห้องทำงาน บาร์ส่วนตัว สระน้ำส่วนตัว ห้องสปา และห้องฟิตเนสส่วนตัว กันเลยล่ะครับ

สรุปปิดท้ายกันสักนิด

ถ้าต้องการจะเลือกพักผ่อน โดยเลือกที่จะนำเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาปรับเปลี่ยนให้เป็นความสุขในระ ดับลักซูรี่ ผมแนะนำให้ลองเลือกมาพักผ่อนกับที่นี่ดูสักครั้งครับ และคุณจะประทับใจแบบผมการเดินทางทริปนึงไปนอนต่างจังหวัดสามวันสองคืน เอาจริงๆแล้วก็หมดกันเกือบหมื่นอยู่แล้ว ลองมาเลือกพักผ่อนโรงแรมกรุงเทพใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า มีเวลาเติมเต็มความสุขได้มากกว่า แล้วคุณจะรู้ว่า ความสุขอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิดครับ

52 Responses

Leave a Reply